สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประชาธิปไตย
โดยนายสุริยะ วิริยะสวัสดิ์ รองอธิการวิทยาลัยการปกครอง
เศรษฐกิจพอเพียง คือ กลไกหลักของสังคมไทยที่จะผลักดันให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เศรษฐกิจพอเพียงเกี่ยวข้องกับการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไร
ประเทศไทยมีข้อด้อย/ข้อเด่น โอกาส และภัยคุกคามในการพัฒนาประเทศอะไรบ้างในด้านการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและมีความจำเป็นต้องนำเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาประชาธิปไตย
บทบาทของเยาวชนนิสิต นักศึกษา ในการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ประชาธิปไตย คือ การปกครองที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน โดยมีนัยความหมายสำคัญ 3 มิติ
- มิติที่ 1. อุดมการณ์ทางการเมือง
คนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เช่น
สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธ สิทธิในชีวิตทรัพย์สิน
และเสรีภาพทางศาสนาความเชื่อและการดำรงชีวิต ที่สำคัญ คือ
จะต้องไม่มีการละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นและมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อรัฐ
- มิติที่ 2. กระบวนการทางการเมือง การเลือกตั้งการลงประชามติ
การจัดตั้งพรรคการเมืองการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การตรวจสอบอย่างอิสระ เป็นต้น
- มิติที่ 3. วิถีชีวิตประชาธิปไตย การเคารพกฎหมาย การดำรงชีวิตอย่างสุจริต การแก้ไขปัญหาโดยสันติ สร้างความสมานฉันท์ปรองดอง เพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะมีความหลากหลายโดยอาจแบ่งเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตยที่ถือว่า ความเป็นสังคมที่แสดงออกโดยพรรคมีความสำคัญกว่าความเป็นปัจเจกชนในขณะที่เสรีประชาธิปไตยจะให้สิทธิเสรีภาพแก่ปัจเจกชนอย่างเต็มที่ โดยรัฐจะเข้าแทรกแซงไม่ได้ ถ้าหากการใช้สิทธิเสรีภาพนั้นไม่ขัดกับความมั่นคงของรัฐ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเมืองการปกครองเต็มที่
การปกครองในระบอบเสรีประชาธิปไตยได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของรัฐที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกระแสโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะการแพร่ขยายตัวของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่เป็นกลไกขับเคลื่อนประชาธิปไตยได้กลายเป็นระบบเศรษฐกิจของโลก
- การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
- การทลายลงของกำแพงเบอร์ลิน
- การปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจของจีนและประเทศสังคมนิยมต่าง ๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
ตามหลักวิชาระบบเศรษฐกิจทุนนิยมมีความสัมพันธ์กับประชาธิปไตยแทบเรียกว่า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเป็นกลไกขับเคลื่อนประชาธิปไตยสู่ความสมบูรณ์ คือ ทำให้คนมีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการดำรงตนในรัฐที่เป็นประชาธิปไตย
อริสโตเติ้ล จัดให้การปกครองประชาธิปไตยเป็นแนวการปกครองสายกลาง
สุดโต่งด้านหนึ่ง คือ เผด็จการ แต่สุดโต่งอีกด้านหนึ่งคือ อนาธิปไตย
คือสภาพบ้านเมืองวุ่นวายไม่มีขื่อมีแป
รัฐที่เหมาะกับการปกครองประชาธิปไตยคือ รัฐที่มีชนชั้นกลางมากที่สุดมากกว่าชนชั้นยากจน หรือชนชั้นมั่งมี
รัฐจะต้องใช้กลไกทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการผลักดันให้สังคมประกอบด้วย ชนชั้นกลางที่ตื่นตัวทางการเมือง
แต่ด้วยธรรมชาติของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มุ่งผลิตให้มากขึ้น ๆ เพื่อทำกำไรยิ่งขึ้น ทำให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือ 2 วิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ในปัจจุบัน
การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวหากเกิดในประเทศที่มีประชาธิปไตยเข้มแข็ง เช่น สหรัฐ หรือ อังกฤษ ก็จะไม่ค่อยมีผลกระทบต่อระบบการเมืองการปกครอง แต่หากเกิดกับประเทศที่มีประชาธิปไตยไม่เข้มแข็งอย่างเช่น ประเทศไทย ก็จะมีผลกระทบอย่างมากมายต่อระบบการเมืองการปกครอง
สังคมไทยมีแรงดึงและดันสำคัญคู่หนึ่ง คู่ดังกล่าวคือ
กระแสเศรษฐกิจทุนนิยมและกระแสเศรษฐกิจแบบพอเพียง
กระแสเศรษฐกิจทุนนิยมซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนความเป็นประชาธิปไตยให้มีมากขึ้น
เนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้น
- กระตุ้นให้มนุษย์มีความละโมบโดยมองว่า คนเรามีความต้องการอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
- กำไรสูงสุด
- หาจุดประหยัดต่อขนาดใหม่ไม่สิ้นสุด
- ทิศทางการผลิตไปทางเดียวคือ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
- เน้นการแข่งขันขยายตลาดและหาตลาดใหม่อยู่เสมอ
- ระดมทรัพยากรมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย
- ประชาชนไม่มีสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์ขึ้น
- เกิดช่องว่างคนจน/คนรวยมากขึ้นและ
- เกิดการล่มสลายของชุมชน/ครัวเรือน
- ควรผลิตให้บริการมีความเสี่ยงในการขาดทุนขึ้นเรื่อย ๆ
ประเทศไทยได้เร่งรัดพัฒนาทางเศรษฐกิจตามระบบเศรษฐกิจทุนนิยมอย่างเต็มที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฯ แผนที่ 1 7 เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจตามแนวทางเศรษฐกิจทุนนิยม ผลการพัฒนาปรกฏว่า เศรษฐกิจดี แต่สังคมมีปัญหาและการพัฒนาไม่ยั่งยืน เพราะผลประโยชน์การพัฒนาตกกับกลุ่มร่ำรวย ชนชั้นยากจนยังมีจำนวนมาก และชุมชน/ครัวเรือน แตกสลาย เนื่องจากมีการโยกย้ายแรงงานจากชนบทเข้าสู่เมือง และคนจนเป็นหนี้สิน และช่วยตัวเองไม่ได้มากขึ้น รวมทั้งถูกกีดกันการมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครอง
เมื่อหันมาดูสัดส่วนของคนในสังคมปรากฏว่า คนยากจนมากขึ้น ครอบครองทรัพยากรของประเทศประมาณ 10 20 % ชนชั้นกลางเล็กลง และชนชั้นร่ำรวยเล็กลงแต่ครอบครองทรัพยากรของประเทศถึง 50 60 %
ชนชั้นยากจน โดยดูจากรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทลงมา จะมีถึง 84 85 % ชนชั้นกลาง ประมาณ 14 15 % ขณะที่ชนชั้นร่ำรวยมีไม่ถึง 1 % ของคนทั้งประเทศ
ส่วนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ขยายตัวถึงจุดอิ่มตัวและพังทลายลงมา ในปี 2540 เพราะเปิดเสรีการเงิน เอกชนยืมเงินมาอย่างมากมายแต่นำมาใช้โดยไม่ก่อให้เกิดรายได้ นั่นคือ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง ไทยยืมเงิน IMF หรือ WB มาบริหารประเทศ
เหมือนฝนหลั่งจากฟ้าในช่วงที่ดินกำลังแห้งแล้ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่านำไปใช้จนสามารถลดความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจและความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
ชนบทกลายเป็นแหล่งซึมซับคนตกงานกลับไปพักพิงและประกอบอาชีพต่อไป รัฐบาลนำเงินยืมมาใช้จ่ายในโครงการจ้างงานในชนบทอย่างกว้างขวางเพื่อให้คนในชนบทมีรายได้
การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เปลี่ยนแนวทาง โดยเน้นการพัฒนาคนให้มีความสามารถในการพึ่งตนเองและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม และสนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตย เนื่องจาก
- เป็นการผลิตที่เน้นจุดประหยัดต่อขนาดแบบพอเพียงสอดคล้องกับสภาพการณ์ โดยไม่ต้องละโมบหาตลาดใหม่เพื่อสร้างกำไรสูงสุด
- ลดต้นทุนการผลิตและลดความเสี่ยงด้วยการกำหนดราคาไม่สูงหรือต่ำเกินไป ผลิตให้น้อยเท่าที่ศักยภาพมี ลดความเสี่ยงด้วยการผลิตสินค้าที่หลากหลาย และพึ่งพาตนเองได้
- ให้ความสำคัญกับการเอื้ออาทรพึ่งพาอาศัยกัน มีมิตรจิต มิตรใจต่อกันมากกว่า แข่งขัน
- มุ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุจมากกว่าแสวงหากำไรสูงสุด และ
- แรงงานมีอิสรเสรีภาพในการทำงานไม่ต้องเร่งการผลิตจนเสียความเป็นอิสรเสรี
- เป็นเศรษฐกิจที่มีทิศทางยืดหยุ่นจะเพิ่มหรือลดได้ตามศักยภาพของผู้ทำ
- ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
อย่างไรก็ตามการดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนับแต่แผน ฯ 8 ที่ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปฏิบัติ
รัฐบาลบางชุดไม่ได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเต็มที่ แต่กลับใช้การพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยม คือ กระตุ้นให้ประชาชนใช้เงินเพื่อการบริโภคอย่างเต็มที่ ในชื่อของนโยบายประชานิยม ทำให้เงินที่ผ่านมาประชาชนหมดไปกับการซื้อหาสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ทำให้ประชาชนยังไม่สามารถพึ่งตนเองได้ จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์และไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ได้ก่อให้เกิดวิกฤตของเศรษฐกิจรวมทั้งทางการเมืองจนถึงปัจจุบัน
ทางการเมือง ประชาชนทั้งชนชั้นยากจนและชนชั้นกลาง ได้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ ทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพ มีการเลือกตั้งใหม่โดยเฉพาะหลังปี 2549 มีการรัฐประหารและสับเปลี่ยนรัฐบาลหลายครั้ง แต่การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทางการเมืองยังมีอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งได้นำไปสู่ความรุนแรง จนกระทั่งปัจจุบัน แม้การเมืองจะลดความรุนแรงลง ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่
ความขัดแย้งสาเหตุหนึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจในหลักประชาธิปไตย ที่ให้ความสำคัญ กับการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นที่มีความแตกต่างหลากหลายอย่างมีความสุขสันติได้ นี้คือ หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยที่ประเทศไทยจะต้องมี ไม่ใช่มีแต่การเลือกตั้ง เป็นต้น
เยาวชน เช่น ท่านนักศึกษา นิสิต เป็นพลังสำคัญที่จะทำให้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกระบวนการทางสังคมในการพัฒนาประชาธิปไตยได้เป็นอย่างดี โดย
- เทิดทูนสถาบันหลักที่สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ประเทศคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
- เผยแพร่หลักประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
- ไปเลือกตั้งทุกระดับและใช้เหตุผลตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่ดี
- ร่วมกันสร้างความสมานฉันท์โดยเริ่มที่บ้านและชุมชน
- ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการประพฤติปฏิบัติตน
- เรียนรู้ชุมชนซึ่งเป็นการเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม
- สร้างกลุ่ม ชมรม ชุมนุม เพื่อเสวนาถึงเศรษฐกิจและประชาธิปไตยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้
- สร้างและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือสู่ชุมชน
- การนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนด้อยโอกาสในชนบทหรือเมือง เช่น การตั้งกลุ่มช่วยเหลือ การสร้างค่ายอาสา หรือการอาสาสมัครสในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น
เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นกระบวนการสังคมสร้างประชาธิปไตยที่สำคัญมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับภาคีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าภาครัฐ ธุรกิจเอกชน หรือองค์การประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่จะเป็นหัวหอกของการสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง