วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พาตัวตนออกจากสถานที่อันจองจำ ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ ไปประกาศอิสรภาพด้วยกัน
สะพายเป้ แบกกล้อง ท่องโลก
โดย : จอมยุทธ แห่งบ้านจอมยุทธ
ปายฝน ต้นรัก ปางอุ๋ง แม่ละนา 1864 โค้ง
แม่ฮ่องสอน
อ่านหน้า » | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8
ตำนานรักขุนสามลอและนางอูเป่ม
ฝนเริ่มลงเม็ด เปาะแปะ...
พากันเข้าไปหลบฝนบนระเบียงวัด
ทำจากไม้ทั้งหลัง พื้นสะอาดสะอ้านเป็นมันกันเลยทีเดียว
สอดส่องสำรวจไปทั่ว ด้านบนวัด ถึงได้รู้ว่าทางวัดได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่า ไว้ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้กัน จากที่คิดว่าแค่หลบฝน กลายเป็นใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ลงตัวอย่างที่สุด
จำลองเรื่องราวประวัติเจ้าขุนสามลอ กั้นด้วยแผ่นพลาสติก
ตำนานรักขุนสามลอและนางอูเป่ม
นานมาแล้ว ณ เมืองเชียงตอง(เก็งตอง) รัฐฉานมีเศรษฐีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีชื่อ นายลุงติ่งนะ ส่วนภรรยาชื่อนางกั่นทะก่านโหย่ง ทั้งสองแต่งงานกันมาหลายปีจึงมีบุตรชายคนแรกและคนเดียวชื่อ "ขุนสามลอ" เมื่อเติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มรูปงามที่สาวน้อยสาวใหญ่พากันหลงรัก แต่มีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งชื่อ "นางอูแปม" ที่แม่ของขุนสามลออยากได้เป็นลูกสะใภ้ แต่บุตรชายกลับไม่เคยสนใจหญิงใดเลย เมื่อถูกแม่รบเร้าให้แต่งงานกับนางอูแปมบ่อยเข้า ขุนสามลอจึงหาทางหลบเลี่ยงด้วยการเดินทางไปค้าขายทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐฉาน ระหว่างทางเขาได้แวะพักที่เมืองกึ๋ง และที่นี่เองที่ทำให้ขุนสามลอพบรักกับนางอูเป่ม สาวงามที่สุดของเมืองนี้
หลังจากพบรักกันไม่นาน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจร่วมหอลงโรงไม่นานนักนางอูเป่มก็ตั้งท้องได้ 4 เดือน ขุนสามลอจึงพาเมียรักกลับไปยังบ้านเกิด เมื่อทั้งสองกลับไปถึงนางกั่นทะก่านโหย่งผู้เป็นแม่ไม่พอใจอย่างมาก ที่ขุนสามลอแอบหนีไปแต่งงานกับสาวอื่นที่ไม่ใช่นางอูแปม คู่หมั้นคู่หมายที่นางกั่นทะโหย่งหาให้ แม่ผัวจึงไม่ชอบหน้าลูกสะใภ้เป็นอย่างมากและหาทางกลั้นแกล้งต่างๆ นานาในช่วงที่ขุนสามลอออกไปค้าขายต่างเมือง
วันหนึ่ง ฝ่ายแม่ผัวออกอุบายให้ลูกสะใภ้ออกไปเดินเล่นน้ำ ที่ท่าน้ำ ระหว่างนั้นแอบทำกับดักโดยซ่อนของมีคมไว้ใต้บันไดที่แกล้งทำให้ชำรุดไว้ เมื่อนางอูเป่มกลับมาจากท่าน้ำและขึ้นบันได นางจึงเสียหลักล้มลงใส่กับดักจนแท้งลูก นางรู้ดีว่าเป็นฝีมือแม่สามีจึงหนีกลับบ้านเกิดที่เมืองกึ๋งทันที นางอูเป่มนำศพของลูกไปวางไว้ที่ตอไม้แห่งหนึ่งและกล่าวว่า "ไม่ว่าพ่อของลูกจะอยู่ที่ไหน ลูกจงตามหาพ่อของเจ้า"
ไม่นานนักทารกน้อยนั้นก็กลายร่างเป็นนกแล้วส่งเสียงเรียก "ต้องลอ ต้องลอ" (คนไทใหญ่ตั้งชื่อนกชนิดนี้ว่า "นกต้องลอ" โดยเชื่อว่าเสียงร้อง "ต้องลอ" เป็นเสียงเรียกหาพ่อตามตำนานเรื่องขุนสามลอ)
เมื่อนางอูเป่มกลับมาถึงเมืองกึ๋งก็ได้เสียชีวิตในอ้อมกอดพ่อแม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ขุนสามลอกลับมาจากการค้าขาย เมื่อไม่พบ เมียรักจึงออกเดินทางไปตามหานางที่เมืองกึ่ง ระหว่างทางพบ นกต้องลอส่งเสียงร้องเหมือนกับเรียกหาพ่อ เมื่อได้มาถึงเมืองกึ๋งจึงได้รู้ว่านางอูเป่มได้เสียชีวิตแล้ว ขุนสามลอจึงใช้ดาบแทงตัวตายตามเมียรักไป
ระหว่างจัดพิธีงานศพ ของทั้งคู่ นางกั่นทะก่านโหย่งได้นำไม้ไผ่สามปล้องมากั้นกลางหลุมศพของทั้งสอง เพื่อขัดขวางไม่ให้พบรักกันอีกในชาติหน้า ความเชื่อดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องดวงดาวของชาวไทใหญ่ที่ว่า หากมองเห็นดวงดาวสองดวงอยู่ตรงข้ามกันและมีกลุ่มดาวเล็กๆสามดวงเรียงตัวกัน กั้นกลางดวงดาวคู่นั้น นั่นหมายถึงไม้ไผ่ที่นางกั่นทะโหย่งนำไปกั้นศพของทั้งคู่เอาไว้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าสืบขานกันต่อมาอีกว่า ก่อนที่นางอูเป่ม จะตายได้อธิฐานไว้ว่า อย่าให้หญิงสาวเมืองกึ๋งมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เพราะไม่อยากให้ประสบพบเจอเหมือนตน ซึ่งยังไม่มีใครยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ แต่สำหรับตำนานรักเรื่องนี้ชาวไทใหญ่เชื่อกันว่าเป็นเรื่องจริง เพราะมีชื่อเมืองต่างๆ ที่ปรากฏอยู่จริงในรัฐฉาน และเป็นตำนานที่โด่งดังมากจนนักร้องไทใหญ่นำไปแต่งเป็นเพลงช่วยผลิตซ้ำ ตำนานนี้ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่มาจนถึงวันนี้
ผ่านประตูนี้ไป เข้าสู่พิพิธภัณฑ์
เป็นงานไม้แกะสลักเสียเป็นส่วนใหญ่
« ย้อนกลับ | หน้าถัดไป »
» ปายในฝัน
» มนต์ปายไม่เคยเสื่อมสิ้น
» แม่ฮ่องสอน
» 3 หมอก 1864 โค้ง
» ปางอุ๋ง
» แม่ละนา ชีวิตที่เฝ้าแต่ฝันถึง
» ความทรงจำที่ดี บนทางหลวงหมายเลข 1095
เกี่ยวกับผู้เขียน »