ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
ชาร์ลส์ ดาร์วิน
บิดาแห่งวิชาพันธุ์ศาสตร์
ชาร์ลส์ ดาร์วิน เป็นผู้มีบทบาทนำให้เกิดการศึกษาค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการมากที่สุด ดาร์วินเสนอควาามคิดเกี่ยวกับการคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นแนวความคิดที่มีอิทธิพลต่อทฤษฎีวิวัฒนาการ ระยะต่อมา ดาร์วินเห็นว่าอินทรีย์มีการแข่งขันกันเพื่อต่อต้านอำนาจของธรรมชาติ อินทรีย์ที่มีลักษณะดีที่สุด สามารถต่อสู้กับแรงกดดันได้มากที่สุด สามารถมีชีวิตรอดในอัตราส่วนสูงที่สุด จะถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม นั้นให้กับอินทรีย์รุ่นต่อมา ถึงแม้ว่าดาร์วินจะไม่ได้อธิบายทฤษฎีวิวัฒนาการ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเปลี่ยนแปลง ทางสังคมและวัฒนธรรม ก็ยังมีนักสังคมศาสตร์หลายคนได้นำเสนอแนวความคิดประยุกต์ทฤษฎีวิวัฒนาการ มาอธิบายวิวัฒนาการวัฒนธรรมเช่น การปรับตัวของวัฒนธรรมเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ เหมือนกับการปรับตัวของสัตว์ ความคิดนี้เรียกว่า Social Darwinism เป็นลัทธิที่อธิบายว่านโยบายชาวผิวขาวของชาติตะวันตกย่อมมีลักษณะ ดีกว่าสามารถครอบงำประชากรโลกที่สามได้
เกิดเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 สถานที่เกิด ในชูร์เบอรี่ ประเทศอังกฤษ ชาร์ล ดาร์วิน เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ซึ่งได้ให้ผลการพิสูจน์สำหรับทฤษฎีวิวัฒนาการ ในวัยเด็กดาร์วินสนใจในธรรมชาติ และวิทยาศาสตร์ เขาได้ศึกษาวิชาแพทย์ในวิทยาลัย แต่ก็ไม่ชอบ จึงได้ศึกษาวิชาศาสนาแทน แต่ก็ศึกษาวิชาชีววิทยา ธรณีวิทยา และฟอสสิสไปด้วย ในปี 1831 หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แล้ว เขาได้เดินทางศึกษาวิทยาศาสตร์รอบโลกด้วยเรือของราชนาวีอังกฤษที่ชื่อบีเกิล และได้รวบรวมฟอสสิสและศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ที่มีชีวิตที่เขาได้พบเห็น การเดินทางครั้งนี้ทำให้ดาร์วินมีความเชื่อว่าพืชและสัตว์ทั้งหลายไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในทันทีทันใด แต่ชนิดของต้นไม้หรือสัตว์มีวิวัฒนาการหรือมีการพัฒนา สิ่งเก่าตายไปหลังจากเวลาอันยาวนาน ดาร์วินได้ใช้เวลา 20 ปี ต่อมาในอังกฤษรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา และหมกมุ่นสนใจกับหลักฐานและความรู้สารพัดสิ่งที่ได้รับมา
ค.ศ. 1838 ดาร์วิน ได้รับตำแหน่งเลขาธิการธรณีวิทยาสมาคม และลงมือศึกษากฎพื้นฐานสำคัญในการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ค.ศ. 1839 เขาแต่งงานกับ เอมมา เวดจ์วูด และต่อมามีลูกด้วยกันถึง 7 คน
เขายังคงนิสัยรักธรรมชาติ และสนใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนอื่นมองข้าม เขาย้ายจากลอนดอนไปอยู่ชนบทเล็ก ๆ ในเคนท์ และชอบใช้ชีวิตเงียบ ๆ อยู่ในสวน อ่านหนังสือ ดูต้นไม้ เขียนจดหมายโต้ตอบกับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักค้นคว้าด้วยกัน ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความคิด มีทัศนคติกว้างไกลยิ่งขึ้น
จากการศึกษาตัวเพรียง และซากฟอสซิลที่เก็บสะสมมา เขาเกิดสงสัยว่าทำไม รูปร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดถึงมีการเปลี่ยนแปลง เขาลองผสมพันธุ์พืชและสัตว์ และเกิดความคิดทฤษฎีว่าด้วยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ คือ สิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชต้องการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ ส่วนที่อ่อนแอ ไม่เหมาะสมก็จะตายหรือสูญพันธุ์ไป และดาร์วินก็ได้คิดทฤษฎีวิวัฒนาการที่ว่า สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันเป็นผลของการพัฒนา สิ่งมีชีวิตในอดีตความเปลี่ยนแปลงนั้นดำเนินเป็นขั้นตอนโดยอาศัยเวลานานเป็นพันเป็นหมื่นปี ในช่วงนี้เองที่เขาเสนอแนวคิดว่ามนุษย์อาจมีวิวัฒนาการมาจากลิง ความคิดน่าขัน น่าอาย ดังกล่าวก่อให้เกิดการโต้เถียง ขัดแย้งกันรุนแรงแต่ก็ ทำให้ประชาชนหันมาสนใจ
ในที่สุดอีก 10 ปีต่อมาความคิดนี้ก็เป็นที่ยอมรับ แม้กระทั่งพวกพระหรือ นักบวชในศาสนา ดาร์วิน มีอายุยืนยาวถึง 74 ปี ตลอดเวลาเขาไม่เคยหยุดค้นคว้าเพราะความสนใจ และมีใจรัก ในช่วง ค.ศ. 1862-1881 เขามีงานเขียน เป็นหนังสือออกมาหลายเล่ม และเป็นที่น่าสนใจต่อมหาชน ค.ศ. 1882 ชาร์ลส์ ดาร์วิน ถึงแก่กรรม ในวันที่ 19 เมษายน ในนามของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
ศพของเขาฝังอยู่ ณ โบสถ์ เวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ใกล้กับศพของ ไอแซก นิวตัน ทุกวันนี้ทั่วโลกยังยึดหลักการพื้นฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการอยู่ เพียงแต่ รายละเอียดและประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างอาจถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะ-สม อีกทั้งยังมีการเสนอทฤษฎีและหลักฐานข้อมูลใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา
เช่น เมื่อ พ.ศ. 2535 ได้พบซากโครงกระดูกหรือจะพูดให้ถูกก็คือ ฟอสซิลโครงกระดูกและชิ้นส่วนบางอย่างของบรรพบุรุษมนุษย์ มีอายุถึง 4.4 ล้านปี เรียกกันสั้น ๆ ว่า รามิดัส ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีหลักฐานรู้ถึงอดีตแห่งวิวัฒนาการมนุษย์ได้มากขึ้น
รามิดัส เป็นบรรพบุรุษมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ เพราะมนุษย์อย่างเรา ๆ ที่เรียกว่า ไฮโมซาเปียนส์นั้น มีกำเนิดเมื่อประมาณสามถึงสี่แสนปีมานี่เอง
เดิมทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน มนุษย์กับลิงมีจุดกำเนิดเดียวกันแล้วจึงแยกสายพันธุ์กันไปและการพบรามิดัสก็ทำให้เชื่อว่าบรรพบุรุษร่วมของมนุษย์ กับลิงน่าจะมีชีวิตอยู่เมื่อหกล้านปีก่อนจริงตามหลักฐานทางชีวเคมี
เรือหลวงบีเกิลและชาร์ลส์ ดาร์วิน ผุพังเสื่อมสลายตายจากไปตามกาลเวลา ทว่า ความดีงาม และคุณประโยชน์ที่ได้นั้น ได้มอบให้เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่ชาวโลกตลอดกาลนาน
ในปี 1859 เขาได้พิมพ์หนังสือที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ซึ่งมีชื่อว่า On the Origin of the Species ดาร์วินถึงแก่กรรมในปี ค.ศ.1882 เป็นบิดาแห่งวิชาพันธุ์ศาสตร์ ผู้ค้นพบการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม