ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>

ประวัติเครื่องแต่งกาย

สาเหตุที่มนุษย์มีการแต่งกายแตกต่างกัน
การแต่งกายไทยตามสมัยประวัติศาสตร์และโบราณคดี
การแต่งกายสมัยรัตนโกสินทร์
การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของการใช้เสื้อผ้าในแต่ละยุคสมัย
การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของการใช้เครื่องประดับในแต่ละยุคสมัย
การแต่งกายของชาวเขาในประเทศไทย
การแต่งกายชาวเอเซีย
การแต่งกายชาวตะวันออกกลางและยุโรป
การแต่งกายของยุโรปตอนเหนือ
แนวความคิดในการออกแบบเครืองแต่งกายจากสมัยต่าง ๆ

การแต่งกายชาวตะวันออกกลางและยุโรป

การแต่งกายกรีก

 (Greek)

กรีกเก่าจะเรียกว่า คริทแทน ไมซีนาเคน (Gretan Mycenacan) พวกชนเผ่าไอโอเนียน เริ่มเรียกชื่อใหม่ว่าดินแดนกรีก (Greece) โดยสมัยก่อนราวปี 1200 ปี ก่อนคริสตกาลจะมีชนเผ่า ที่บุกรุกเข้ามาแย่งดินแดนคือ เผ่าไอโอเนียน เผ่าอาเคียน เผ่าโดเรียน เมื่อ 700-475 ปี ก่อน คริสตกาล ไม่มีหลักฐานการแต่งกาย จนกระทั่งในเวลา 500 ปีก่อนคริสตกาล จึงได้รู้จักโดยดู ลวดลายจากเหยือก และแจกันดินเผา จะมีรูปวาดหญิงชายประดับบนแจกันก็จะดูการแต่งกาย ชาวกรีกได้

กรีกมีนครที่สำคัญที่สุดคือ เอเธนส์ สปาร์ต้า และโครินทร์ ชาวเมืองในสมัยนั้นใช้เวลาว่างใน การจับกลุ่มสนทนาเรื่องเกี่ยวกับปรัชญาและการเมือง และผู้ชายก็จะออกกำลังกายในโรงยิมเนเซียม ชาวกรีกจะมีเวลาว่างหาความเพลิดเพลินมาก เพราะมีข้าทาสบริวารทำงานแทน คอยรับใช้สังคม กรีกจะให้ความสำคัญกับเด็กมากกว่าสตรี ผู้หญิงจะมีสิทธิออกเสียงน้อย ได้รับการอบรมเกี่ยวกับ งานบ้าน การเรือนเป็นส่วนใหญ่ การศึกษาคือพออ่านออกเขียนได้

การแต่งงาน นิยมคลุมถุงชน คือ จองกันตั้งแต่เด็ก ประเพณีคือ การแต่งกายชุดเจ้าสาวสี ขาว มีผ้าคลุมผม ตลอดจนการจูงเจ้าสาวเดินไปแท่นพิธี พิธีแต่งงานจะเริ่มที่บ้านบิดาเจ้าสาว จบ ลงเมื่อเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวไปบ้านบิดาตนเอง แสดงว่าเจ้าสาวได้เป็นสมบัติของเจ้าบ่าวแล้ว ชาว กรีกจะถือว่ารูปร่างของมนุษย์จะเป็นสิ่งที่มีความงามเป็นยอด เด็กคนใดเกิดมาร่างกายพิการก็จะ ฆ่าจนหมด กรีกจะมีเทพเจ้าแห่งความงามที่นับถือคือวีนัส Venus de mile

จากหลักฐานบนเหยือกและแจกันดินเผา มีลักษณะการแต่งกายคือ

หญิง แต่งกายด้วยชุดทูนิค Tunic ชั้น ใน สวมเสื้อเอวลอยทับเรียกว่าเพ๊พโพลส (Peplos) ใช้ผ้าขนสัตว์ สวมเครื่องรัดเอวให้กระชับ เย็บรัดตัว ชั้น นอกใช้สีสันสดใส กระโปรงปลายบาน เล็กน้อย เข้ารูปที่สะโพกยาวถึงข้อเท้าตกแต่งด้วยลวดลายตามเชิง และที่กลางตัวเสื้อและกระโปรง สวยงามมาก ตัวเสื้อที่สั้น ๆ เอวลอย ต่อมาวิวัฒนาการเป็นเสื้อแจ๊คเก๊ตโบเรโร่ (Bolero) เป็นเสื้อ เปิดด้านหน้าหรือเปลือยอก ต่อมานิยมใช้ผ้าลินินแทนขนสัตว์ และจับจีบ Pleat ด้วย แบบจะทรง หลวม ๆ สบายขึ้น เสื้อจะเป็นทูนิคตรง ๆ หลวมใช้เชือกผูกที่เอว ดึงให้เสื้อหย่อนลงมา ตัวเสื้อจะ ถ่วงลงมาเป็นลักษณะพริ้วยาวถึงข้อเท้าแต่งด้วยครุย บริเวณชายกระโปรงเป็นชุดที่ใช้ผ้ามาก ชุดนีเ้รียกว่า โคลโพส (Kolpos) ซึ่งมีรูปทรงอ่อนนุ่ม นิ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง

ชาวกรีกจะถือความงามเป็นหลัก การแต่งกายจึงมีความสมดุลและง่าย ๆ เกี่ยวกับความ ทิ้งตัว และเรื่องเส้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการจัดให้เหมาะสมกลมกลืนกับความงามของรูปร่าง

ชาย แต่งกายชุดทูนิคแคบ ๆ รัดเอว เรียกว่า Chiton (ซิตอน) เป็นชุดชาวกรีกโบราณ จะ สวมเสื้อคลุมซึ่งมี 2 ชนิด คือ

  1. ชนิดคลุมสั้น มีเครื่องเกาะเกี่ยวที่ไหล่ เรียกว่า ซาลามี (chlamys)

  2. ชนิดพันรอบตัว และพาดบ่าข้างเดียวแบบพระสงฆ์ เรียกว่า ฮีเมชั่น (Himation) เสื้อคลุมของหญิงคล้ายของชาย คือ ห่มแขนข้างเดียว ส่วนชายสวมเสื้อชุดทูนิคยาว เรียกว่า โคลโพส (Kolpos) และสวมเสื้อคลุมสวยงาม มีลวดลายที่ชายและแถบกลางหน้า ลักษณะของ แถบแสดงถึงยศตำแหน่ง

หลังจากทำสงครามกับเปอร์เซียแล้ว เสื้อ ที่เรียกว่าเพ็พโพลส (Peplos) ของสตรีมี ลักษณะคล้ายชุดแต่งกาย ดังนี้

  1. Doric chiton โคริคซิตอน เป็นแบบเสื้อผ้าชุดเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายยาวถึงข้อเท้า รัด หรือกระตุกที่เอว แล้วผูกไว้ดึงส่วนบนของเสื้อที่เอวให้หย่อน ใช้ผ้าจำนวนมากในการทิ้งตัวลงมา มีลักษณะคล้าย Drape จีบสลวย นิยมใช้จนถึงปัจจุบัน ในเสื้อชั้น สูงใช้ผ้าลินินแทนผ้าขนสัตว์

  2. ไอโอนิค ซิตอน (Ionic chiton) ใช้ผ้าฝ้ายซึ่งได้มาจากอินเดีย ต่อมาใช้ผ้าไหม ขนาด ของผ้าเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้างจากศอกจดศอก หรือจากข้อมือจดข้อมือของผู้สวม กลัดเข็มกลัดที่ ไหล่ทั้ง 2 ข้าง มีลวดลายที่เชิงและชายผ้า

ชายหญิงที่เป็นนักปราชญ์ นุ่งทูนิค 2 แบบ ดังกล่าว แล้วใช้เสื้อคลุมที่เรียกว่าฮิเมชั่นจับ จีบห่มตามรูปร่างพาดบนไหล่ข้างเดียว และห่มรอบตัว ลักษณะกายห่มบอกถึงฐานะของผู้สวมใส่

ชุดนักรบ สวมเสื้อคลุมไม่มีแขน เรียกว่า โคลค (Clock) หรือสวมเสื้อคลุม Chlamys ห่มทับบน Chiton มีเครื่องผูกที่คอหน้าเพื่อป้องกันอากาศหนาวและฝน ทำด้วยขนสัตว์ยาวประมาณ 1-2 หลา ถ่วงน้ำหนัก 4 มุม

ชุดแต่งงาน นิยมผ้าพลีท (Pleats) ลงแป้งบาง ๆ ใช้ผ้าลินินและไหมตัดเป็นชุดทูนิคยาว การไว้ทุกข์จะคาดเข็มขัดและใช้แถบสีนำ้ตาลบริเวณริมขอบชายเสื้อ

ชุดนอน เรียกว่า แบนเดอร์เลท (Bandelette) มีการตกแต่งด้วย Tape หรือโบว์หลวม ๆ สวมทับบน Chiton อีกทีหนึ่ง

ในสมัยนี้มีการนำเอาวัฒนธรรมของอินเดีย และประเทศตะวันออกมาใช้ เช่น นำเอาฝ้าย ไหม ทอผสมกับใยลินิน ใช้ผ้าที่เรียกว่า Coan ซึ่งเป็นผ้าเนื้อบางเบา และยังได้รับการปักด้วย ดิ้นเงิน ดิ้น ทองจากอินเดียมาด้วย

อาหรับ
มอรอคโค
ยิปซี
อียิปต์
บาบิโลน
ชนชาติอัสสิเรียน
กรีก (Greek)
โรมัน (Roman)
เปอร์เซีย (Persain)

แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย

» "บ้าน" มรดกทางวัฒนธรรม
"บ้าน" คือการบอกเล่าความเป็นมา คือการบอกล่าวถึงพัฒนาการในการดำรงชีพของมนุษย์ "บ้าน" ที่อยู่อาศัยหนึ่งในปัจจัยสี่ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับมนุษย์ และบ่งบอกถึงความั่นคง

» ภูมิปัญญากีฬาไทย
กีฬาไทยที่บรรพชนไทยค้นคิด และถ่ายทอดมาสู่ลูกหลาน บางชนิดกลายเป็นตำนานและความทรงจำ และบางชนิดยังคงมีการเล่นกันอยู่

» สะพานสู่ฟ้าใหม่
สะพานข้ามน้ำเป็นสัญลักษณ์การข้ามอุปสรรคขวางกั้นไปสู่จุดหมาย และการเชื่อมโยงสิ่งตรงข้ามมา เพื่อสร้างเอกภาพอันกลมกลืนมั่นคง

» ทิวธงมงคลชัย
สิ่งสะท้อนความคิด และสืบทอดคติความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ของชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า จากยุคสมัยหนึ่งสู่อีกยุคสมัยหนึ่ง ดุจตัวแทนที่น้อมนำสู่มงคลแห่งชีวิต

» พระราชลัญจกรประจำรัชกาล
ตราประจำพระมหากษัตริย์ แต่ละรัชกาล ซึ่งจะทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเริ่มต้นรัชกาล เพื่อประทับกำกับพระปรมาภิไธย ในเอกสารสำคัญต่างๆของชาติ ที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน

» สามล้อไทย
วิถีหนึ่งของสายทาง ซึ่งแม้เวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป หากสายทางของสามล้อยังคงผูกพัน เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย

» กีฬาสัตว์
ด้วยนิสัยช่างสังเกตของคนไทย จึงเป็นที่มาของกีฬาซึ่งใช้สัตว์เป็นผู้แข่งขัน จนกลายเป็นกิจกรรมบันเทิงพื้นบ้าน ยามว่างนับแต่อดีต

» ตาลปัตร พัดรอง
พัดที่ทำจากใบตาลมีหลายรูปแบบ สำหรับใช้โบกให้ความเย็น และใช้เป็นการบ่งบอกถึงฐานะ บรรดาศักดิ์ของผู้ใช้