ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการตีความ
แนวคิดการตีความแบบโรแมนติคของชไลมาเคอร์
วิธีการตีความแบบบุคลาธิษฐาน (Allegorical Method)
เทพ กับอสูร ในคัมภีร์อเวสตะของอิหร่าน
เทวาสุรสงครามในคัมภีร์พระเวท
เทวาสุรสงคราในวรรณคดีบาลี
ทัศนะเกี่ยวกับเทวาสุรสงคราม
เนื้อหาของจันทิมสูตร และสุริยสูตร
จันทิมสูตร กับสุริยสูตร กับบริบททางสังคม
จันทิมสูตรและสุริยสูตร : ไม่ใช่การเสนอข้อเท็จจริงทางอภิปรัชญา
ราหูอมจันทร์/อาทิตย์ : การแสดงธรรมแบบบุคลาธิษฐาน
สรุปและเสนอแนะ
อ้างอิง
จันทิมสูตรและสุริยสูตร : ไม่ใช่การเสนอข้อเท็จจริงทางอภิปรัชญา
ปรากฏการณ์ราหูอมจันทร์/อาทิตย์ตามความเชื่อของคนโบราณ ได้รับการพิสูจน์แล้วด้วยศาสตร์สมัยใหม่ว่า เป็นความเชื่อที่ผิดพลาด ดังนั้น จึงเกิดปัญหาว่า ถ้าเราตีความพระสูตรทั้งสองนี้ตามตัวอักษรว่ามีราหูอมจันทร์/อาทิตย์จริงตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ แล้วเราจะแก้ข้อพิสูจน์ของศาสตร์สมัยใหม่อย่างไร ถ้าเรายึดข้อพิสูจน์ของศาสตร์สมัยใหม่ว่าถูกต้อง ก็เท่ากับยอมรับว่าข้อความที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ในสูตรทั้งสองผิด หรือถ้าเรายึดข้อความในพระสูตรทั้งสองว่าถูกต้อง ก็เท่ากับยอมรับว่าข้อพิสูจน์ของศาสตร์ใหม่ผิด
ในทัศนะของผู้เขียน ข้อความในพระสูตรทั้งสองไม่ได้ขัดแย้งกับข้อพิสูจน์ของศาสตร์สมัยใหม่แต่อย่างใด เราสามารถยอมแนวคิดทั้งสองได้โดยไม่จำเป็นต้องปฏิเสธแนวคิดของอีกฝ่ายหนึ่ง นั่นคือ แม้แนวคิดทั้งสอง (พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์) จะพูดถึงปรากฏการณ์อย่างเดียวกัน แต่จุดสนใจเป็นคนละเรื่อง จุดสนใจของวิทยาศาสตร์ก็คือมุ่งอธิบายข้อเท็จจริงของปรากฏการณ์ทางวัตถุในเชิงอภิปรัชญา ส่วนจุดสนใจของพระพุทธเจ้า คือ ประเด็นปัญหาทางด้านจริยศาสตร์ หรือสนใจในเรื่องความทุกข์และความดับทุกข์ในชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงเรื่องราหูอมจันทร์/อาทิตย์ในพระสูตรทั้งสองนี้ ประเด็นของพระองค์จึงไม่ได้อยู่ที่การพิสูจน์เท็จจริงทางอภิปรัชญาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หมายความว่า ข้อเท็จจริงทางอภิปรัชญาจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือเรื่องนี้สามารถนำมาเป็นสื่อในการโยงคนเข้าหาหลักธรรมได้อย่างไรมากกว่า เพราะไม่ว่าพระองค์จะตรัสถึงเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ก็เป็นข้อเท็จทางสังคมที่มีอยู่แล้วอย่างดาษดื่น การเอาความเชื่อเดิมในสังคมมาใช้ประโยชน์ทางจริยธรรมจึงถือว่าเป็นจุดประสงค์ที่พระองค์ต้องการ ซึ่งก็ไม่ต่างกับการนำเอาเรื่องพรหม หรือเรื่องการบูชายัญมาอธิบายในเชิงจริยธรรมนั่นเอง