เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การปลูกชา
กองเกษตรสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร
ผลกระทบจากข้อตกลงแกลต์และแนวทางการปรับตัว
1. มาตรการควบคุมการนำเข้า
ประเทศไทยมีมาตรการควบคุมการนำเข้าผลิตภัณฑ์ชาใบและชาผง คือ
- ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ชา ต้องชำระภาษีอากรนำเข้า
- ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ชา ต้องขออนุญาตนำเข้า โดยกำหนดอัตราส่วนให้ซื้อชาที่ผลิตได้ในประเทศ (Local content) ผ่านองค์การคลังสินค้า ในสัดส่วนชาใบร้อยละ 60 และชาผลร้อยละ 50 ของปริมาณที่ขออนุญาตนำเข้า
2. พันธกรณี
- ด้านการเปิดตลาด ตามข้อผูกพัน ประเทศไทยต้องเปิดตลาดนำเข้าชาใบและชาผง ดังนี้
(1) ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าชาใบและชาผงในลักษณะการกำหนดอัตราส่วนให้ผู้นำเข้าซื้อผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ และปรับไปใช้มาตรการภาษีศุลกากรแทน โดยมีผลบังคับใช้ระหว่างปี 2538-2547 จะกำหนดให้มีโควต้านำเข้าชาใบและชาผงในปริมาณขั้นต่ำ 596 ตัน ณ อัตราภาษีร้อยละ 30 หากนำเข้าในปริมาณที่เกินกว่า 596 ตัน หรือนอกโควต้าจะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 หากนำเข้าในปริมาณที่เกินกว่า 625 ตัน จะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 90
(2) ชาสำเร็จรูป ซึ่งมีการใช้มาตรการภาษีอยู่แล้ว ให้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 60 ในระหว่างปี 2538-2547 และอัตราผูกพันในปี 2547 ให้เก็บลดลงเหลือร้อยละ 40 - ด้านการอุดหนุนภายใน การอุดหนุนภายในกรณีผลิตภัณฑ์ชาของไทย ได้แก่ การแทรงแซงราคาผลิตภัณฑ์ชา
ซึ่งองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์
ได้กำหนดราคาชาที่ผลิตในประเทศและฝากขายผ่านองค์การฯ
โดยจำหน่ายให้แก่ผู้นำเข้าชาจากต่างประเทศในราคาสูงกว่าราคาตลาด
3. การวิเคราะห์ผลกระทบ
พันธุกรณีทางกฎหมาย
การเปิดตลาด
- การลดอัตราอากรตามข้อผูกพันในแกตต์ ซึ่งรายการที่ได้ผูกพันไว้เกี่ยวข้องกับประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
- การยกเลิกมาตรการควบคุมปริมาณนำเข้าผลิตภัณฑ์ชาเกี่ยวข้องกับพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 9
พ.ศ. 2496 ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร และประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่
28 พ.ศ. 2505 และประกาศของกรมการค้าต่างประเทศ
ซึ่งได้กำหนดอัตราส่วนการรับซื้อชาที่ผลิตภายในประเทศต่อปริมาณการนำเข้า
เป็นมาตรการการจำกัดการนำเข้าซึ่งมิใช่ภาษี เป็นการขัดต่อข้อตกลงของแกตต์
การอุดหนุนภายใน การกำหนดราคาชาผลิตในประเทศให้สูงกว่าราคาตลาดท้องถิ่น ตามประกาศองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2524 เป็นการขัดต่อข้อตกลงของแกตต์
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ด้านการผลิต
การผลิตชา
รัฐให้การอุดหนุนโดยตรงต่อผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โดยไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวกับการซื้อใบชาสดจากเกษตรกรแต่อย่างใด
ดังนั้นการลดการอุดหนุนจะส่งผลกระทบโดยตรง ต่อผู้ผลิตผลิตภัณพ์ชาและอาจส่งผลต่อเกษตรกรผู้ผลิตใบชาสดที่มีคุณภาพต่ำ
เนื่องจากใบชาสด คุณภาพดียังผลิตได้น้อยและเป็นที่ต้องการของตลาด
ผลการคำนวณมูลค่าการอุดหนุนในช่วงปีฐาน (2529-2531) มีมูลค่าการอุดหนุนเฉลี่ยร้อยละ
6.59 ของมูลค่าผลผลิตรวม หรือมีการอุดหนุนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.03 บาท
จากการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบการผลิตภายในประเทศ เมื่อมีการอุดหนุนระหว่างปี
2529-2531 จะมีผลให้การผลิตผลิตภัณฑ์ชาภายในประเทศเพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 1.97
ของปริมาณผลผลิตรวม เนื่องจากการอุดหนุนมีผลบิดเบือนต้นทุนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
ดังนี้การเลิกการอุดหนุนการผลิตชาใบ
จะมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตผลิตภัณฑ์ชาที่แท้จริงขยับสูงขึ้นและปริมาณการผลิตลดลง
จากการศึกษาปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ชาที่นำมาขายให้แก่องค์การคลังสินค้า
ส่วนใหญ่จะเป็นชาคุณภาพต่ำ ดังนั้นการผลิตที่ลดลงน่าจะเป็นผลผลิตส่วนนี้หมายความว่า
ผู้ผลิตชาคุณภาพต่ำจะขายผลผลิตไม่ได้ และเลิกไปในที่สุด
ด้านการนำเข้า
จากการศึกษาผลกระทบของการอุดหนุนต่อการนำเข้า ระหว่างปี 2529-2531 ปรากฏว่า
การนำเข้าลดลงคิดเป็นร้อยละ 2.83 ของการนำเข้ารวม
เนื่องจากการปกป้องอุตสาหกรรมผลิตชาในประเทศ โดยการควบคุมการนำเข้า
ทำให้ราคาตลาดถูกบิดเบือน ผู้บริโภคต้องซื้อในราคาสูงกว่าปกติ ตามข้อตกลง GATT
มาตรการดังกล่าวต้องยกเลิก และปรับเปลี่ยนเป็นรูปภาษีนำเข้า (Tariffication)
ซึ่งอาจส่งผลให้คามต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น
เนื่องจากผู้บริโภคบางกลุ่มนิยมบริโภคชาคุณภาพดีจากต่างประเทศ
ขณะที่การผลิตชาคุณภาพดีภายในประเทศ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค
ขณะเดียวกันผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ
เมื่อมีการอุดหนุนในช่วงเดียวกันมีผลให้การบริโภคภายในประเทศลดลงเฉลี่ยร้อยละ 3.3
เมื่อมีการยกเลิกการอุดหนุน จึงน่าจะมีผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ชาในประเทศลดต่ำลง
และการบริโภคเพิ่มขึ้น
จากข้อตกลง GATT ในปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีผลบังคับใช้
การนำเข้าผลิตภัณฑ์ชาจะต้องเสียภาษีร้อยละ 30 สำหรับปริมาณนำเข้าในโควต้าจำนวน 596
ตัน ปริมาณนำเข้าที่นอกเหนือจากนี้จะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 100
การเปรียบเทียบราคาที่จำหน่ายในประเทศ กับราคานำเข้า cif. ที่จำหน่ายในประเทศ
กับราคานำเข้า cif. รวมภาษีนำเข้า
ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมชาในประเทศยังได้รับการคุ้มครองโดยระบบภาษีใหม่ได้
เนื่องจากราคานำเข้าทั้งชาใบและชาผงนอกโควต้ายังค่อนข้างสูง
ด้านการส่งออก
จากการศึกษาผลกระทบต่อการส่งออก เมื่อมีการอุดหนุนในระหว่างปี 2529-2531
ประเทศไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ชาได้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.93
ดังนั้น เมื่อมีการลดเลิกการอุดหนุน
จึงคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกมากนัก
เนื่องจากชาที่ส่งออกยังเป็นชาคุณภาพต่ำ และตลาดค่อนข้างจำกัด
4. ศักยภาพด้านการผลิตและการตลาด
ด้านการผลิตไทยยังมีโอกาสพัฒนาคุณภาพชาใบโดยการปรับปรุงสวนชาเก่าให้ได้มาตรฐานปรับปรุงขบวนการผลิตชาให้มีคุณภาพสูงขึ้น
เพื่อบริโภคภายในและการส่งออก ซึ่งมีศักยภาพการตลาดทั้งในประเทศและส่งออก
5. ผลการศึกษาวิเคราะห์
- ด้านการผลิต
การลดการอุดหนุนจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ที่ฝากชาขายผ่านองค์การคลังสินค้า
โดยเหตุที่ชาที่ฝากขายดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นชาคุณภาพต่ำ
ดังนั้นการลดการอุดหนุนจะทำให้การผลิตชาคุณภาพต่ำมีต้นทุนสูงขึ้น
อาจลดและเลิกการผลิตในที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นผลดี
- ด้านการนำเข้า การเปิดตลาดชาของไทยตามข้อตกลงแกตต์
ไม่มีผลกระทบให้ความต้องการนำเข้าชาเพิ่มขึ้นมากนัก
เนื่องจากอุตสาหกรรมชาในประเทศยังได้รับการคุ้มครอง โดยระบบภาษีนำเข้าใหม่
ซึ่งราคานำเข้าชาใบและชาผงนอกโควต้า เมื่อรวมภาษีแล้วยังค่อนข้างสูง
- ด้านการส่งออก ประเทศไทยยังผลิตชาได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ การส่งออกมีน้อยมาก และมีแนวโน้มลดลงเป็นลำดับ นอกจากนี้ยังไม่มีการส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบคือ ใบชาสดอย่างจริงจัง และประเทศผู้ผลิตชาของโลกส่วนใหญ่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งไม่มีการอุดหนุนการผลิตอยู่แล้ว ดังนั้นคาดว่าข้อตกลงแกตต์จะไม่มีผลให้ประเทศไทยส่งออกชาได้เพิ่มขึ้น
6. แนวทางการปรับตัว
ด้านการผลิต - เน้นการเพิ่มผลผลิตชาคุณภาพ ทั้งชาใบและชาผง
ด้านการนำเข้า - เนื่องจากชาเป็นไม้ยืนต้น ต้องใช้ระยะเวลา 5-6 ปี จึงให้ผลเต็มที่
ดังนั้นเพื่อให้ผู้ผลิตได้รับการคุ้มครอง จึงควรผูกพันการนำเข้าชาระหว่าปี
2538-2546 ไว้ที่ปริมาณในโควต้า 596 ตัน (อัตราภาษีร้อยละ 30) ปริมาณนอกโควงต้าเก็บภาษีร้อยละ
100 แล้วจึงเพิ่มปริมาณน้ำเข้าในโควต้าเป็น 625 ตัน และการนำเข้านอกโควต้าให้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ
90
- การนำเข้าสินค้าชาจากประเทศนอกภาคีแกตต์ หรือ WTO ให้เป็นไปตามมารตการเดิม คือ
ต้องขออนุญาตนำเข้าและต้องรับซื้อชาจากองค์การคลังสินค้าตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้เดิม
(ประมาณ 60% นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศนอกภาคีแกตต์)
- การนำเข้าสินค้าชาจากประเทศในภาคีแกตต์ หรือ WTO สำหรับปี 2538
เปิดตลาดชาตามข้อผูกพันในปริมาณโควต้า 596 ตัน การบริหารโควต้า การนำเข้าจัดสรรโควต้าตามประวัติของเอกชนที่เคยนำเข้าชา
4 ปีย้อนหลัง โดยกำหนดอัตราส่วนการนำเข้าชาใบ : ชาผงเป็น 70 : 30
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดทำแผนการผลิตชาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการใช้ภายในประเทศ รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมให้ปลูกชาคุณภาพดี โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความช่วยเหลือในด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปุ๋ยราคาถูกและกิ่งพันธุ์คุณภาพดี เป็นต้น
ที่มา : กองการค้าสินค้าทั่วไป, กรมการค้าต่างประเทศ, 2538.
อ้างอิง
- กระทรวงอุตสาหกรรม. ม.ป.ป. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชาใบ (ชาจีน). สิทธิพันธุ์การพิมพ์. กรุงเทพฯ.
- กระทรวงอุตสาหกรรม. ม.ป.ป. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชาผง (ชาฝรั่ง). สิทธิพันธุ์การพิมพ์. กรุงเทพฯ.
- กานดา คติการ, สมบูรณ์ ยุววรรณ์ และ ดุสิต อุสาหะ. 2523. การปลูกชา. คำแนะนำกองพืชสวน กรมวิชาการเกษตร.
- ดุสิต อุสาหะ. 2536. การจัดการสวนชา. เอกสารประกอบการฝึกอบรม เทคโนโลยีการปลูกและ ผลิตชา. (โรเนียว).
- ดุสิต อุสาหะ. ม.ป.ป. เอกสารคำแนะนำการปลูกชา. กรมวิขาการเกษตร.
- ไพโรจน์ พงศ์ศุภสมิทร์. 2532. เทคโนโลยีการผลิตชา. ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคเหนือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม. โรงพิมพ์ช้างเผือก คอมพิวกราฟิค เชียงใหม่.
- พิทักษ์ อาภาศิริผล. 2538. การปลูกชา. สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร. (โรเนียว).
- ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์. 2537. ชา : เครื่องดื่มของคนครึ่งโลก. นิตยสารสารคดี.
- สัณฑ์ ละอองศรี. 2535. ชา. สำนักพิมพ์รั้วเขียว เคยู บุ๊ค เซ็นเตอร์ กรุงเทพ.
- สุรีย์ ภูมิภมร. 2537. ชา : เครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 15 ฉบับที่ 11 กันยายน 2537. กรุงเทพฯ.
- อาภรณ์ ธรรมเขต, ศุภขัย ลีจีรจำเนียร. 2536. โรคชา. กลุ่มงานวิจัยโรคไม้ผล พืชสวนอุตสาหกรรม และสมุนไพร กรมวิชาการเกษตร กรุงเทพฯ. (โรเนียว).
- .___________. 2538. ชาจีน ต้านมะเร็ง: นิตยาสาร City Life ปีที่ 2 ฉบับที่ 16 เดือนมิถุนายน.
- .___________. 2537.ชาระมิงค์ คุณค่าชาไทยแห่งล้านนา : ธุรกิจการเกษตร ฉบับที่ 2 มีนาคม 2537. กรุงเทพฯ.
- Bonheure, Denis. 1990. TEA. British Library Cataloguing in Publication DATA, Hong Kong.
- China National Native Produce and Animal By Products 1989. CHINA-HOMELAND OF TEA. Import & Export Corporation Education and Cultural Press Ltd., Hong Kong.
- Oganizing Committee of ISTS. 1991. World Tea, International Symposium on Tea Science, August 1991.
»
ประโยชน์ของชา
» แหล่งกำเนิดและประวัติการปลูกชา
» ประวัติการปลูกชาของประเทศไทย
» พันธุ์และการขยายพันธุ์
» การคัดเลือกชาเพื่อทำพันธุ์
» การขยายพันธุ์
» การปลูกและการจัดการสวนชา
» การเตรียมดิน
» การปลูก
» การให้น้ำ
» การทำไม้บังร่ม
» การกำจัดวัชพืช
» ธาตุอาหาร
» การใส่ปุ๋ย
» การเก็บเกี่ยวชา
» การปรับปรุงสวนชา
» โรคและแมลงศัตรูชา
» แมลงศัตรูชา
» ผลกระทบจากข้อตกลงแกลต์และแนวทางการปรับตัว