ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สังโยชน์ 10
คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
- สักกายทิฏฐิ มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
- วิจิกิจฉา มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
- สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย
- กามราคะ มีความติดใจในกามคุณ
- ปฏิฆะ มีความกระทบกระทั่งในใจ
อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
- รูปราคะ มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
- อรูปราคะ มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
- มานะ มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
- อุทธัจจะ มีความฟุ้งซ่าน
- อวิชชา มีความไม่รู้จริง
- พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
- พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
- พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด
- พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ