วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ขุนช้าง-ขุนแผน
ฉบับร้อยแก้ว
พลายแก้วถูกเกณฑ์ไปทัพ
กล่าวถึงพระเจ้าเชียงอินทร์ ครองเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเจริญ มีเมืองน้อยใหญ่ มาสวามิภักดิ์มากมาย วันหนึ่งขณะเสด็จออกขุนนาง มีชาวลาวสองคนมากราบทูลว่า เมืองเชียงทองนั้นได้แปรพักตร์ไปสวามิภักดิ์กับกรุงศรีอยุธยา คิดจะนำไทยมาตีเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าเชียงใหม่รู้เรื่องก็โกรธมาก ให้เกณฑ์ทัพภายในเจ็ดวัน แล้วเดินทัพไปปราบเมืองเชียงทอง
"...แต่ก่อนนั้นมันขึ้นแก่เรานี้
ถือดีหยิ่งยกนกสองหัว
เฮ้ยเกณฑ์กระบวนรบให้ครบตัว
นับทั่วถ้วนหมื่นพื้นฉกรรจ์
เครื่องศาสตราอาวุธปืนไฟ
ทั้งน้อยใหญ่สารพัดเร่งจัดสรร
ให้พรั่งพร้อมเบ็ดเสร็จในเจ็ดวัน
จงลงมือเตรียมกันแต่วันนี้
ให้ปราบเมืองแมนเป็นแม่ทัพ
ไปทำมันให้ยับอยู่กับที่
แสนกำกองปลัดทัพนับว่าดี
สองนายนี้กองหน้าไพร่ห้าพัน
ฟ้าลั่นนั้นให้เป็นทัพหลวง
บัญชาการทั้งปวงเคยแข็งขัน
สันบาดาลเป็นปลัดเร่งจัดกัน
เกณฑ์พลห้าพันให้เข้ากอง
นายรองกองทัพสำหรับตำแหน่ง
ปีกซ้ายขวาแซงสิ้นทั้งผอง
ยกกระบัตรเกียกกายเอนกนอง
กองซุ่มกองแล่นให้มากมี
เสบียงเลี้ยงทัพจงจัดหา
ทั้งช้างม้าสำหรับขี่..."
เมื่อยกทัพไปถึง พระยาฟ้าลั่นได้ให้พลนำสารไปบอกว่า หากเมืองเชียงทองยอมอ่อนน้อมก็จะยกโทษให้ ส่วนพระยาเชียงทองแกล้งทำเป็นนบนอบ ยอมถวายดอกไม้เงินดอกไม้ทอง ให้ทัพเชียงใหม่ตายใจ รวมทั้งบอกว่า ถ้าทัพไทยมาจะร่วมตีทัพไทยอีกด้วย เพื่อถ่วงเวลาให้ทัพไทยมาช่วย พระยาฟ้าลั่นหลงกลนึกว่าเป็นจริง ก็ให้เมืองเชียงทองส่งเจ้าเมืองกรมการออกมาทำพิพัฒน์สัตยากันใหม่ และให้เปิดประตูเมืองไว้ให้เชียงใหม่เข้าออกได้ พระยาเถินกับระแหง รู้ว่าทัพเชียงใหม่มาตีเชียงทอง แต่เจ้าเมืองกลับไม่สู้รบ และกลับใจไปเข้ากับเชียงใหม่ จึงส่งข่าวไปให้พระยาราม เจ้าเมืองกำแพงเพชร พระยารามจึงให้เรือเร็วส่งข่าวมาที่อยุธยา
"
ครั้นว่ามาถึงอยุธยา
วางบอกที่ศาลาหาช้าไม่
นายเวรต่อยกระบอกออกทันใด
แล้วซักไซ้ไล่เลียงเรื่องกิจจา"
พระพันวษารู้ข่าวคิดว่าเมืองเชียงทองคิดกบถ ก็โกรธให้ยกทัพไปตีเมืองเชียงทองคืนมา แล้วว่าเมื่อก่อนก็ให้ขุนไกรไปรบ เมื่อไม่มีขุนไกรแล้วจะให้ใครไปรบ ขุนช้างซึ่งเป็นมหาดเล็กอยู่ ก็คิดว่าหากทูลให้พลายแก้วไปทัพได้ ก็จะกลับไปเกี้ยวนางพิมใหม่ จึงทูลพระพันวษาว่า มีบุตรขุนไกรชื่อพลายแก้ว อายุ 17 ปี มาได้เมียอยู่สุพรรณบุรี เป็นคนกล้าหาญและมีวิชาดี พระพันวษาจึงให้ขุนช้างพาตำรวจไปนำพลายแก้วเข้าไปหาในวัง นางพิมรู้ก็โกรธขุนช้าง หาว่าขุนช้างแกล้ง เพื่อให้นางต้องพลัดพรากกับพลายแก้ว ส่วนพลายแก้วก็ปลอบนางพิมว่า เรื่องราชการงานทัพนั้นมีตั้งแต่สมัยขุนไกรผู้เป็นพ่อ หากได้เป็นแม่ทัพไปตีเชียงทองสำเร็จก็คงจะได้ดีในวันข้างหน้า รุ่งขึ้นพลายแก้วก็เข้าไปเฝ้าพระพันวษา พระพันวษาจึงตรัสว่าพลายแก้วนั้นเป็นเนื้อเชื้อไขของทหาร จงทำราชการสืบต่อขุนไกรผู้เป็นพ่อต่อไป หากตีเชียงทองได้ จะปูนบำเหน็จรางวัลให้ พลายแก้วจึงอาสายกทัพไปตีเชียงอินทร์และเมืองเชียงทอง แล้วทูลขอกลับไปบ้านก่อน จะกลับมาในเวลาสามวัน เมื่อถึงบ้านพลายแก้วก็พานางพิมไปหานางศรีประจัน แล้วบอกว่าตนจะไปทัพที่เชียงทอง อาจจะนานเกือบปี ขุนช้างอยู่ทางนี้จะคอยชิงนางพิมไป จึงขอฝากนางศรีประจันให้ดูแลนางพิมให้ หากใครมาบอกข่าวว่าตายก็อย่างเพิ่งไปเชื่อ ฝ่ายนางทองประศรี จึงสอนพลายแก้วว่า
"....
พ่ออย่าประมาทราชการ
ไม่ควรกล้าอย่าหาญไปเสียที
อันค่ายคูดูทำให้มั่นคง
อย่าทะนงหลงเล่ห์จะไล่หนี
ถอยรอล่อลวงท่วงที
ในราตรีอย่าเห็นแก่หลับนอน
นั่งยามตามไฟใส่ฆ้องค่อย
กองร้อยมัวสุมซุ่มซ่อน...."