ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
รวมธรรมบรรยายของ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
ถือกำเนิดในสกุล วรรณวงศ์ เมื่อวันอาทิตย์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 ปีกุน
ตรงกับวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2442ที่บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม
จังหวัดสกลนคร บิดาของท่านคือ เจ้าไชยกุมาร (เม้า) ซึ่งเป็นหลานของพระเสนาณรงค์
เจ้าเมืองพรรณานิคมมารดาชื่อ นุ้ย
เป็นบุตรีของหลวงประชานุรักษ์จะเห็นได้ว่าเชื้อสายของท่านเป็นขุนนางทั้งฝ่ายบิดาและมารดา
เป็นเชื้อสายขุนนางเก่าแก่ของหมู่ชน ที่เรียกว่า ผู้ไทยซึ่งอพยพมาจากประเทศลาว
ในสมัยราชการที่สาม แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระอาจารย์ฝั้นเคยเล่าว่า บรรพบุรุษของท่าน
ได้ข้ามมาแต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นครอบครัวใหญ่ เรียกว่า ไทยวัง หรือ
ไทยเมืองวัง (ซึ่งเป็นเมืองหนึ่ง อยู่ในเขตมหาชัย ของ
ประเทศลาว)บิดาของท่านพระอาจารย์ เป็นคนที่มีความเมตตาอารีใจคอกว้างขวาง
เยือกเย็นเป็นที่นับหน้าถือตา
จึงได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านม่วงไข่ต่อมาบิดาของท่านได้อพยพพร้อมกับครอบครัวอื่นๆ
อีกหลายครอบครัวไปตั้งหมู่บ้านใหม่ ในที่อุดมสมบูรณ์กว่าเดิม เพราะเป็นพื้นที่
ที่มีลำห้วยอูน ผ่านทางทิศใต้และลำห้วยปลาหาง อยู่ทางทิศเหนือ เหมาะแก่การทำนา
ทำสวน เลี้ยงสัตว์ และ เลี้ยงไหมตั้งชื่อว่า บ้านบะทอง
โดยบิดาของท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป
เมื่อครั้งยังอยู่ในวัยเยาว์
พระอาจารย์มีความประพฤติเรียบร้อยนิสัยใจคอเยือกเย็น อ่อนโยน โอบอ้อมอารี
กว้างขวาง เช่นเดียวกับบิดาของท่าน ทั้งยังมีความขยันหมั่นเพียร อดทนต่ออุปสรรค
หนักเอาเบาสู้ ช่วยเหลือกิจการงานของบิดาและญาติพี่น้อง
โดยไม่เห็นแก่ความลำบากยากเย็นใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านการศึกษา พระอาจารย์ฝั้น ได้เริ่มเรียนหนังสือที่วัดบ้านม่วงไข่
(วัดโพธิ์ชัย)สอนโดย ครูหุน ทองคำ และครูตัน วุฒิสาร ตามลำดับพระอาจารย์
เมื่อครั้งนั้น
เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเป็นอันมากสามารถเขียนอ่านได้รวดเร็วกว่าเด็กอื่นๆ
ถึงขนาดได้รับความไว้วางใจจากครู ให้สอนเด็กอื่นๆแทน ในขณะที่ครูมีกิจจำเป็น
พระอาจารย์ฝั้น เคยคิดจะเข้ารับราชการ จึงได้ตามไปอยู่กับ นายเขียน อุปพงศ์
ผู้เป็นพี่เขย ซึ่งเป็นปลัดเมื่องฝ่ายขวา ที่จังหวัดขอนแก่น
เพื่อศึกษาเล่าเรียนต่อไปในชั้นสูงในช่วงนี้ ท่านได้พิจารณาเห็นความยุ่งเหยิง
ไม่แน่นอนของชีวิตคฤหัสถ์ ได้เห็นการปราบปรามผู้ร้าย มีการฆ่าฟันกัน
มีการประหารชีวิตครั้งนั้น พี่เขยได้ใช้ให้เอาปิ่นโตไปส่งนักโทษอยู่เสมอ
ท่านได้เห็นนักโทษหลายคน แม้เคยเป็นใหญ่เป็นโต เช่น พระยาณรงค์ฯ
เจ้าเมืองขอนแก่น ต้องโทษฐานฆ่าคน นายวีระพงศ์ ปลัดซ้าย ก็ถูกจำคุก
แม้แต่นายเขียน พี่เขยของท่านเมื่อย้ายไปเป็นปลัดขวา อำเภอกุดป่อง จังหวัดเลย
ก็ต้องโทษฆ่าคนตายเช่นกัน
สภาพของนักโทษ ที่ท่านประสบมา
มีทั้งหนักและโทษเบานับได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านรู้จักปลง
และประจักษ์ถึงความไม่แน่นอนของชีวิตท่านได้สติ บังเกิดความเบื่อหน่ายในทางโลก
จึงเลิกคิดที่จะรับราชการ
และตัดสินใจบวชเพื่อสร้างสมบุญบารมีทางพระพุทธศาสนาต่อไป ชีวิตสมณะ
การแสวงหาธรรม และปฏิปทา ชีวิตสมณะของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เริ่มต้นเมื่อปี
พ.ศ. 2461 เมื่อท่านอายุได้ 19 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดโพธิ์ทอง
บ้านบะทอง อำเภอพรรณานิคมและในปี พ.ศ. 2462
ถัดมา ท่านได้อุปสมบทเป็นภิกษุฝ่ายมหานิกายที่วัดสิทธิบังคม ตำบลบ้านไร่
อำเภอพรรณานิคมมีพระครูป้อง นนทะเสน เป็นพระอุปัชฌาย์มีพระอาจารย์นวล และ
พระอาจารย์สังข์ เป็นพระกรรมวาจารย์ และ พระอนุสาวนาจารย์
หลังจากออกพรรษาปีนั้น ท่านได้ไปอยู่ที่วัดโพธิ์ทอง บ้านบะทองจึงได้ปฏิบัติธรรม
อบรมกัมมัฏฐาน ตลอดจนการออกธุดงค์ อยู่รุกขมูล กับท่านอาจารย์อาญาครูธรรม
ปีถัดมา 2463 ท่านได้พบ พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตจึงได้เที่ยวธุดงค์
มาพร้อมด้วยสามเณรหลายรูป และพักที่ป่าช้าข้างบ้านม่วงไข่
(ปัจจุบันเป็นวัดภูไทสามัคคี) เมื่อได้ฟังธรรมจากพระอาจารย์มั่น
ท่านบังเอิญเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในสติปัญญา ควาสามารถ ของ พระอาจารย์มั่น
จึงมอบตัวเป็นศิษย์ พร้อนท่านอาญาครูดี และพระครูกู่
ธมฺมทินฺโนเนื่องจากทั้งสามท่าน ยังไม่พร้อมในเครื่องบริขาร
จึงไม่ได้ธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่นไปในขณะนั้น เมื่อทั้งสามท่าน ได้เตรียมพร้อม
เครื่องบริขารเรียบร้อยแล้วประจวบกับได้พบ พระอาจารย์ดูลย์ อลฺโต
ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่นมาก่อน และกำลังเดินธุดงค์
ติดตามพระอาจารย์มั่นเช่นกัน พระอาจารย์ฝั้น จึงศึกษาธรรม
เรียนวิธีฝึกจิตภาวนาเบื้องต้น จากพระอาจารย์ดูลย์
|| หน้าถัดไป >>