ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง
พงศาวดารเขมร
หน้า >> 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18
หน้า 2 >>>
จ.ศ.870 ขุนหลวงพระเสด็จชื่อเจ้ากันเดิมเป็นบุตรมนตรีเมืองปาสาณ ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ในเมืองปาสาณ ได้ลอบฆ่าพระเจ้าศรีสุคนธบท ฯ พระเจ้าจันทราชาผู้เป็นพระอนุชาพระเจ้าศรีสุคนธบท หนีไปกรุงศรีอยุธยา จ.ศ.878 พระองค์ถวาบบังคมลาพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา โปรดให้พระองค์เสด็จมาถึงเมืองโพธิสัตว์ ตั้งค่ายอยู่ ณ เมืองอมราวดีรันทบูร ชาวเมืองยอมเข้ากับพระองค์ทั้งสิ้น ได้ครองราชย์ จ.ศ.882 พระชันษาได้สามสิบห้าปีมีพระราชบุตรทรงพระนามสมเด็จพระบรมราชา
จ.ศ.888 พระองค์ยกทัพไปรบกับเจ้ากัน ๆ ตายกลางศึก พระองค์กลับคืนมาเมืองโพธิสัตว์ บรรดาไพร่พลเมืองใหญ่น้อยก็ยอมเข้ากับพระองค์ทั้งสิ้น ให้ตั้งชื่อค่ายที่พระองค์เคยสถิตอยู่ว่า ค่ายบรรทายมีไชย สร้างพระพุทธรูปอัฐรัศองค์หนึ่งอยู่ ณ เมืองอมราวดีรันทบูร
จ.ศ.890 พระองค์มาสถิตอยู่ ณ เมืองลแวก ให้ก่อค่ายด้วยศิลาข้างล่างแล้วพูนดินบนศิลา แล้วสร้างพระพุทธรูปอัฐรัศสี่องค์ องค์หนึ่งทำด้วยไม้จริง พระบาทพระพุทธรูปทำด้วยศิลาผินพระปฤษฎางค์เข้าหากัน ผันพระพักตร์ออกทั้งสี่ทิศ แล้วสร้างพระวิหารมีมุขเด็กทั้งสี่ด้าน มียอดอยู่กลาง ฝาผนังประดับกระจกปิดทอง แล้วให้สร้างพระพุทธไสยาศน์นิพพานด้วยศิลา และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ ทำด้วยศิลาไว้ที่เนินเขาพระราชทรัพย์
จ.ศ.902 พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ยกทัพมาถึงพระนครหลวง พระองค์ยกทัพไปถึงพระนครหลวงรบชะนะพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา พระเจ้าจันทราชาจับได้เชลยไทยเป็นอันมาก จ.ศ.915 พระองค์อภิเษก ทรงพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสุริโยปพันธุธรรมิกราชา
จ.ศ.917 พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาให้เจ้าพระยาโอง ผู้เป็นสมเด็จพระเรียมของพระเจ้าจันทราชา ยกทัพไทยไพร่พลเก้าหมื่นมาถึงเมืองโพธิสัตว์ พระองค์เสด็จไปรบกับสมเด็จพระเรียมซึ่งอยู่ ณ กรุงไทย พระองค์นำพระราชบุตรกับไพร่พลออกรบมีชัยชนะเจ้าพระยาโองราชา ๆ สุรคตในปีนั้น พระองค์ให้ปลงพระศพเสร็จแล้ว จับไทยไว้เป็นชเลยเป็นอันมาก แล้วพระองค์ให้จัดตกแต่งบูชาต้นศรีมหาโพธินั้นเรียกว่าพระโพธิมีบุญ จึงได้เรียกว่าเมืองโพธิสัตว์แต่นั้นมา พระองค์ให้สร้างพระวิหารแล้ว ให้เอาพานพระศรีของพระองค์ กับของพระเรียมมาสร้างเป็นพระพุทธรูปสององค์ ไว้ในพระวิหารนั้น แล้วพระองค์ให้บรรจุพระอัฐิของพระเรียมไว้ในพระวิหารนั้น แล้วเสด็จกลับคืนมา ณ ค่ายลงแวก เมื่อแผ่นดินของพระองค์นั้นทรงสพักยาวแปดศอก บรรดามุขมนตรีใหญ่น้อย ล้วนแต่ห่มผ้าสไบยาวแปดศอก ถือพัดใบตาล ขี่แคร่กั้นกรรชิง แต่บรรดามุขมนตรีใหญ่น้อย ถ้าจะทูลแลขานให้ว่า พระบาทเป็นเจ้า
จ.ศ.928 พระชันษาได้แปดสิบเอ็ดปีพระองค์สุรคต สมเด็จพระบรมราชาเกิดปี จ.ศ.882 ทรงราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดาอยู่ในค่ายลงแวกนั้น จ.ศ.928 ทรงอภิเษกทรงพระนามสมเด็จเสด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง จ.ศ.903 สมภพสมเด็จพระสัตถา เกิดพระราชบุตรองค์หนึ่ง จ.ศ.927 สมภพเจ้าพระยาอ่อน
จ.ศ.932 พระองค์เสด็จไปสถิต ณ เมืองกุมพงสระสัง พระองค์ให้ไปตีเมืองนครราชสีมาแขวงกรุงไทยได้เชลยเป็นอันมาก ในปีเดียวกันนั้นเจ้ากรุงลาวให้ขุนนางสองคนกับไพร่พันหนึ่ง นำช้างใหญ่ช้างหนึ่งสูงแปดศอกมาชวนชนพนันเอาเมือง แต่ช้างของพระองค์สูงได้เจ็ดศอก พระองค์ให้ชนชนะช้างกรุงลาว จึงได้ให้ยื้อไพร่พลลาวไว้ แต่ให้ช้างนั้นกลับไป เจ้ากรุงลาวโกรธ
จ.ศ.933 เจ้ากรุงลาวยกทัพเรือทัพบกมา เจ้ากรุงลาวมาทางบกให้อุปราชมาทางเรือ เจ้ากรุงลาวมาถึงแดนเมืองสันธุก พระองค์ออกไปสู้รบกับเจ้ากรุงลาว รบชนะ เจ้ากรุงลาวหนีไปได้ จับได้แต่เชลยเป็นอันมาก จ.ศ.934 อุปราชยกทัพมาถึงเกาะเจ้าราม พระองค์ทรงเรือประดับกระจกกับเรือนุภาพเป็นอันมากออกรบกับอุปราชลาว ได้ไชยชนะอุปราชลาวในเกาะเจ้าราม จับพวกลาวมาเป็นเชลยเป็นอันมาก แล้วให้เรียกลาวนั้นว่า อ้ายลาวเรือหัก
จ.ศ.934 พระชันษาได้ห้าสิบเจ็ด จึงสุรคต สมเด็จพระสัตถาขึ้นทรงราชย์ต่อจากพระราชบิดา อยู่ ณ ค่ายลงแวก จ.ศ.938 พระองค์อภิเษก ทรงพระนาม พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี มีพระราชบุตรสองพระองค์ แต่ครั้ง จ.ศ.936 สมภพสมเด็จพระไชยเชษฐา จ.ศ.941 สมภพสมเด็จเจ้าพระยาตน จ.ศ.942 สมภพเจ้าพระยาราม ในปีนั้นพระองค์ยกกองทัพไปตีเขตแดนกรุงไทย ชนะได้ครอบครัวบ้าง จ.ศ.946 พระองค์สบพระราชหฤไทยด้วยสมเด็จพระราชบุตรทั้งสองพระองค์ ให้ทรงราชย์เป็นเสด็จกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ พระราชบุตรผู้พี่ได้อภิเษก ทรงพระนามพระบาทสมเด็จ เสด็จพระไชยเชษฐาธิราชรามาธิบดี พระราชบุตรผู้น้อย อภิเษกทรงพระนามพระบาทสมเด็จเสด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี