ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง
พงศาวดารล้านช้าง
หน้า 5
จ.ศ.942 พระมหาอุปราชาเมืองหงษาวดี ตั้งพระยาแสนสุรินทร ฯ เป็นเจ้าล้านช้างดังเก่า
จ.ศ.944 เจ้าล้านช้างตาย จึงเอาพระยาน้อยอันเป็นลูก พระยาแสนเมืองเป็นเจ้าล้านช้าง แต่ท้าวพระยาทั้งหลายไม่ชอบใจ เจ้าฟ้าหงษาจึงเอาพระยาน้อยกับท้าวพระยาทั้งหลายไปอยู่เมืองหงษา ได้เดือนหนึ่งจึงกลับมา
จ.ศ.945 และต่อมาอีกแปดปี เมืองล้านช้างไม่มีเจ้าแผ่นดิน จ.ศ.956 พระสงฆ์เจ้าทั้งปวงในเมืองล้านช้าง พร้อมกันขึ้นไปเมืองหงษา ขอเอาพระหน่อเมืองผู้เป็นลูกพระไชยเชษฐา ฯ มาเป็นเจ้าล้านช้าง
จ.ศ.964 พระหน่อเมือง ได้เป็นเจ้าล้านช้าง เสวยราชย์ได้หกปีถึงแก่กรรม จึงเอาพระวงษาลูกน้าพระหน่อมาเป็นเจ้าล้านช้าง เสวยเมืองได้สี่ปีอุปยุว์จึงเกิด พ่อจึงได้ชื่อว่าพระธรรมมิกราช ลูกชื่อพระอุปยุวราช
จ.ศ.983 พระธรรมิกราช และพระอุปยุวราชพ่อลูกเกิดผิดใจกัน
พระอุปยุวราชได้เวียงจันเป็นเจ้าล้านช้าง พระธรรมิกราชตาย จ.ศ.985 พระอุปยุวราชตาย
จึงราชาภิเศกพระยามหานามผู้เป็นพระยานครขึ้นเป็น เจ้าล้านช้างขึ้น พระนามว่าบัณฑิตยโพธิลาราช
จ.ศ.989 พระโพธิลาราช ถึงอนิจกรรม จึงเอาพระหม่อนแก้ว ลูกพระธรรมิกราช น้องชายพระอุปยุวราชขึ้นเสวยเมือง เมื่อตายแล้ว จึงเอาพระอุปยุวราชลูกเจ้าหม่อมแก้ว ขึ้นเป็นเจ้าล้านช้าง พระอุปเยาราชมีลูกสองคน เมื่อพระอุปเยาวราชตาย ลูกทั้งสองได้ครองราชย์ในเวียงจันเมื่อถึงแก่กรรม เจ้าสุริยกุมารได้เสวยเมืองล้านช้างชื่อว่า พระสุริยวงษาธรรมิกราชา ฯ เจ้าล้านช้างร่มขาว มีอาณาเขตกรุงลาว ทางใต้แต่ลิผี ทางเหนือถึงผาได ทางซ้ายถึงอโยทธยา ทางขวาถึงแกว
แต่ขุนฮุงหลานขุนบูลม (บรมราชา) ถึงเจ้าฟ้างุ้ม ถึงเจ้าสุริยธรรมิกราช กินบ้านกินเมืองไว้กับหัวจุม หัวคลังขุนกว้าน แต่พระไชยแผ่นจุม คนทั้งหลายในเมืองหลวงแล้วจึงไปสร้างเวียงจัน
จ.ศ.1078 พระยาสุริยวงษาธรรมิกราช เสวยราชได้ห้าสิบหกปี ถึงอนิจกรรม มหาเสนาใหญ่ชื่อพระยาจัน ขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินในเวียงจัน ต่อมาพระยานครผู้หนึ่งชื่อนันทราช (น่าน) ยกทัพมาชิงราชสมบัติ
ต่อมาพระไชยองค์แว ลูกเจ้าชมภูอันอยู่เมืองแวมาชิงราชสมบัติในเวียงจัน แล้วให้ท้าวนองลูกแสนทิพนาบัวมานั่งเมืองหลวง เจ้ากิ่งกิจ และหม่อมน้อยจึงเอารี้พลขอบแขวงเมืองหลวงให้หกหมื่น ลงมารบท้าวนองในเมืองหลวง ท้าวนองจึงกวาดเอาครอบครัว และไพร่ทั้งหลาย พร้อมทั้งพระแก้ว พระบาง พระแซกคำ ลงไปไว้ในเวียงจัน เจ้ากิ่งกิจขึ้นนั่งเมืองเป็นเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า พระธรรมกิจล้านช้างร่มขาว ฯ
ฝ่ายพระไชยองค์แวก็เสวยราชย์ในเวียงจัน
แต่นั้นมาจึงมาปันเขตแดนแก่กัน ตั้งแต่เมืองเชียงคานไปใต้ถึงลิผี และพวกช้างทั้งหก บ่อคำทั้งเก้าไว้แก่เวียงจัน ตั้งแต่เมืองเชียงคานขึ้นไปถึงผาได และสิบสองนาด่านจุไทย และหัวพันทั้งหก อันเป็นพวกแพรขาว แพรแดง ทั้งมวลไว้แก่เมืองหลวงแดน แต่นั้นมาแผ่นดินลาวเกิดเป็นสองส่วน ปันเป็นสองท่อน
ตั้งแต่ พระยากิ่งกิจราชเสวยราชย์ในเมืองหลวงพระบางเจ้าอินทโฉม และเจ้าองค์เอกพี่น้อง ได้เกลี้ยกล่อมเอาหมู่ ขุนห้อ ขุนแห่ ขุนมา ขุนเหมือไทย เชื้อไทย มาเป็นพลโยธาของตน ก็คุมกองทัพลงมารบพระยากิ่งกิจราช พี่ของตนแต่แพ้ จึงถอยมาที่น้ำอูถึงกิ่วยาง แล้วเดินทางไปถึงเมืองพาน เจ้าอินทโฉมเอาลูกเมียมาตั้งอยู่เมืองล้าเมืองพง
เมื่อพระยากิ่งกิจราชถึงแก่อนิจกรรม เสนาทั้งหลายจึงเอาเจ้าองค์ดำลูกเจ้าอินทกุมารขึ้นเสวยราชย์ เจ้าองค์ดำเป็นองค์นกก่อน นำพรรคพวกไปถึงเมือง แล้วบวชเป็นสงฆ์อยู่วัดช้างเผือกในเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่จึงนิมนต์ให้สึก มานั่งหอคำเจ็ดวันเสพตามบุพพาจารี แล้วออกไปรบม่าน ๆ ก็แตก
เจ้าเชียงใหม่ถึงแก่อนิจกรรมมีลูกชายสองคน มีม่านมาล้อมเมืองเชียงใหม่แสนเจ็ดหมื่น
มีอำมาตย์ผู้หนึ่งเป็นมิตรกับพระยาจ่าบ้าน รู้ว่าอาชญาลาวมาอยู่ที่นี้ควรเลี้ยงดู ก็ได้องค์นก
เจ้าก็เสวยราชย์ในเมืองลานนา เจ้าจันทราชานั่งเชียงใหม่แทนพ่อองค์นก
เจ้าอินทโฉม เสวยราชย์ในล้านช้าง เมื่อถึงอนิจกรรมแล้ว เจ้าโชติกะกุมารผู้ลูกเสวยเมืองแทนเจ้าโชติกะกุมารอนิจกรรมแล้ว เจ้าองค์ยึงเสวยราชย์ จ.ศ.1153 ก็อนิจกรรม
ตั้งแต่ขุนลอลูกขุนบรมราชา ยกจากนาน้อยอ้อหนูลงมายังเมืองลาว ลูกขุนลอชื่อขุนชวา ลำดับมาจนถึงขุนฮุง เปลี่ยนนามขุนเป็นท้าว มีท้าวแทนถึงท้าวหว่างได้หก ตั้งแต่เปลี่ยนท้าวเป็นพระยา ตั้งแต่พระยาลังลูกท้าวหว่าง สืบมาลูกพระยาวังชื่อ พระยาคำผง ติดต่อสืบราชวงษายังในเชียงทองเชียงคงได้สามสิบเจ็ดปี มาถึงพระไชยลูรชื่อว่าเชษฐาวังโสทรงนามกรว่า พระไชยเชษฐาธิราช จึงลงไปตั้งเวียงจันเป็นมหานครราชธานี ติดต่อมาได้สิบราชวงษา