ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม
พระวินัยปิฎก
พระสุตตันตปิฎก
พระอภิธรรมปิฎก
พระสูตร
พระไตรปิฎกฉบับประชาชน
พระสูตร
พระสูตร ติมพรุกขสูตร
ว่าด้วย สุขและทุกข์
[๕๓] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ปริพาชกชื่อติมพรุกขะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
[๕๔] ครั้นแล้ว ติมพรุกขปริพาชกได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม สุขและทุกข์ ตนกระทำเองหรือ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า อย่ากล่าวอย่างนั้น ติมพรุกขะ
ต. สุขและทุกข์
ผู้อื่นกระทำให้หรือ
ท่านพระโคดม
ภ. อย่ากล่าวอย่างนั้น
ติมพรุกขะ
ต. สุขและทุกข์
ตนกระทำเองด้วย
ผู้อื่นกระทำให้ด้วยหรือ
ท่านพระโคดม
ภ. อย่ากล่าวอย่างนั้น
ติมพรุกขะ
ต.
สุขและทุกข์บังเกิดขึ้น
เพราะอาศัยการที่มิใช่ตนเองกระทำ
มิใช่ผู้อื่น กระทำให้หรือ
ท่านพระโคดม
ภ. อย่ากล่าวอย่างนั้น
ติมพรุกขะ
ต.
สุขและทุกข์ไม่มีหรือ
ท่านพระโคดม
ภ.
สุขและทุกข์ไม่มีหามิได้
สุขและทุกข์มีอยู่ ติมพรุกขะ
ต. ถ้าอย่างนั้น
ท่านพระโคดม
ย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์
ภ.
เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์หามิได้
เรารู้เห็นสุขและทุกข์อยู่
ติมพรุกขะ
ต.
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
ข้าแต่ท่านพระโคดม
สุขและทุกข์ตนกระทำเองหรือ
ท่านตรัสว่า อย่ากล่าวอย่างนั้น
ติมพรุกขะ เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
สุขและทุกข์ผู้อื่นกระทำให้หรือ
ท่านพระโคดม
ท่านตรัสว่าอย่ากล่าวอย่างนั้น
ติมพรุกขะ เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
สุขและทุกข์ตนกระทำเองด้วย
ผู้อื่นกระทำให้ด้วยหรือ
ท่านพระโคดม ท่านตรัสว่า
อย่ากล่าวอย่างนั้น ติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
สุขและทุกข์
บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยการที่มิใช่ตนเองกระทำ
มิใช่ผู้อื่นกระทำให้หรือ
ท่านพระโคดม ท่านตรัสว่า
อย่ากล่าวอย่างนั้น ติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
สุขและทุกข์ไม่มีหรือ
ท่านพระโคดม ท่านตรัสว่า
สุขและทุกข์ไม่มีหามิได้
สุขและทุกข์มีอยู่ ติมพรุกขะ
เมื่อข้าพเจ้าถามว่า
ถ้าอย่างนั้น ท่านพระโคดม
ย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์
ท่านตรัสว่า
เราย่อมไม่รู้ไม่เห็นสุขและทุกข์หามิได้
เรารู้เห็นสุขและทุกข์อยู่
ติมพรุกขะ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระผู้มีพระภาคจงตรัส
บอกสุขและทุกข์แก่ข้าพเจ้า
และขอพระผู้มีพระภาคจงแสดงสุขและทุกข์แก่ข้าพเจ้า
ด้วย
[๕๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรติมพรุกขะ เมื่อบุคคลถืออยู่ว่า นั่นเวทนา นั่นผู้เสวย[เวทนา] ดังนี้ แต่เราไม่กล่าวอย่างนี้ว่า สุขและทุกข์ตนกระทำเอง เมื่อบุคคลถูกเวทนาทิ่มแทง [รู้] อยู่ว่า เวทนาอย่างหนึ่ง ผู้เสวย[เวทนา]เป็นอีกคนหนึ่ง ดังนี้ แต่เราจะไม่กล่าวว่า สุขและทุกข์ผู้อื่นกระทำให้ ดูกรติมพรุกขะ ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ .... ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ เพราะอวิชชานั่นแหละดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ.... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
[๕๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ติมพรุกขปริพาชกได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยประสงค์ว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าพระองค์ขอถึงท่านพระโคดม กับทั้งพระธรรม และพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ ขอท่านพระโคดม จงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป
กัจจานโคตตสูตร
เกสปุตตสูตร
กุตุหลสาลาสูตร
โกกนุทสูตร
ขันธ์สังยุต ทิฏฐิวรรค
เขมาเถรีสูตร
จูฬกัมมวิภังคสูตร
จูฬมาลุงโกยวาทสูตร
ตตถสูตร
ติมพรุกขสูตร
ทิฏฐิกถา
ทิฏฐิสังยุต จตุตถเปยยาล
ทิฏฐิสังยุต ตติยเปยยาล
ทิฏฐิสังยุต ทุติยเปยยาล
ทิฏฐิสังยุต โสตาปัตติวรรค
ทิฏฐิสูตร
ปรัมมรณสูตร
ปัญจัตตยสูตร
โปฏฐปาทสูตร
พรหมชาลสูตร
ภัททิยสูตร
โมคคัลลานสูตร
โรหิตัสสสูตรที่ ๑
วัจฉสูตร
สภิยสูตร
สามัญญผลสูตร
สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๑
สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๒
สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๓
สารีปุตตโกฏฐิตสูตร ที่ ๔
สาฬหสูตร
อนันทสูตร
อนุราธสูตร
อัคคิวัจฉโคตตสูตร
อุตติยสูตร
อเจลกัสสปสูตร