ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
การละเล่นไทย สร้างเสริมคุณธรรม
การเล่นในสมัยกรุงสุโขทัย
ว่าวหง่าว
โคเกวียน
การเล่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
มอญซ่อนผ้า
สะบ้า
ไม้หึ่ง
ลิงชิงหลัก
การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
วิ่งวัว
ตะกร้อ
ขี่ม้าส่งเมือง
กลองหม้อตาล
หม้อข้าวหม้อแกง
สะบ้า
(การเล่นในสมัยอยุธยา)
การเล่นสะบ้าเข้าใจว่ามาจากมอญ เพราะมีการเล่นในงานสงกรานต์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีการเล่นชนิดนี้ จึงคิดว่าสะบ้าน่าจะเป็นการละเล่นของไทยโบราณมากกว่าที่เรียกว่า สะบ้า เพราะมีลูกสะบ้าเป็นเครื่องมือในการเล่น ลูกสะบ้าจะมีเปลือกแข็งมีลักษณะกลม ขนาดเท่ากับสะบ้าของหัวเข่าคน ลักษณะกลมแบนแต่ตรงกลางนูน การเล่นสะบ้ามีทั้งหมด
48 บท ที่นิยมเล่นกันคือ สะบ้ารำ โดยแบ่งเป็นชายหนึ่งฝ่าย หญิงหนึ่งฝ่าย ฝ่ายแพ้ต้องเป็นฝ่ายรำ
วัตถุประสงค์
- เพื่อฝึกความแม่นยำในการยิงเป้าหมาย
- เพื่อฝึกความรอบคอบในการระมัดระวัง
- เพื่อฝึกสายตาโดยการกะระยะ
- เพื่อฝึกการทำงานเป็นหมู่คณะ
อุปกรณ์
ลูกสะบ้า กรณีที่ไม่มีลูกสะบ้าให้ใช้ไม้กลึงให้กลมแทนลูกสะบ้า ส่วนลูกตั้งให้ใช้อิฐแผ่นเล็ก ๆ แทน
ผู้เล่น
ฝ่ายละ 1 หรือ 2 คน
รูปแบบ
แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละคนหรือเล่นเป็นคู่ก็ได้
กำหนดให้ระยะห่างจากเส้นเริ่มถึงจุดที่ตั้งสะบ้ามีระยะประมาณ 6 เมตร ดังภาพประกอบ
ภาพประกอบ รูปแบบการเล่นสะบ้า
ที่มา : จิรกรณ์ ศิริประเสริฐ. เกมเบ็ดเตล็ด หน้า 38
วิธีการเล่น
ผู้เล่นต้องเล่นตามมาตราที่กำหนดไว้ ตั้งต้นด้วยบทที่ง่ายที่สุดคือ การล้อ เรียกว่า อีล้อ โดยผู้เล่นอยู่ที่เส้น ตั้งต้นล้อลูกสะบ้าให้ไปใกล้กับลูกตั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วตะครุบไว้ ถ้าเกิดลูกตั้งไปถือว่าตาย ต้องเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามได้เล่น แต่ถ้าตะครุบได้ให้ใช้นิ้วดีดลูกสะบ้า
ให้โดนลูกตั้งเรียกว่า ยิง ถ้ายิงไม่ถูกถือว่าตาย ต้องเปลี่ยนให้อีกฝ่ายหนึ่งเล่น ถ้ายิงถูกก็ขึ้นบทต่อไป คือเอาลูกสะบ้าถือไว้ที่คอ แล้วดีดให้ล้อแล้วใช้วิธีเดียวกัน ถ้าใครยิงถูกก็ขึ้นบทต่อไป
ถ้าผิดหรือลูกสะบ้าออกแนวนอกวงก็ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งเล่นต่อไป ถ้าเป็นการเล่นหมู่ผู้ที่ยิงถูกอาจได้ผู้ที่ยิงไม่ถูกได้ คือยิงแทนผู้ที่ยิงไม่ถูกเป็นการช่วยผู้เล่นร่วมชุด แต่ถ้าใครล้อเลยเขตเรียกว่า เน่า ก็ต้องตายทั้งชุด คือต้องยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งเล่นต่อ
ข้อเสนอแนะ
ท่าทางต่าง ๆ ถือตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ตั้งลูกสะบ้า เช่น เอาไว้ที่หน้าอก หน้าผาก จมูก ปาก ท้อง หัวเข่า และให้เรียกชื่อตามอวัยวะที่ตั้งลูกสะบ้าก่อนดีด
เช่น อีล้อ อีหน้าผาก อีจมูก และอีปาก เป็นต้น