ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง
พงศาวดารมอญพม่า
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21
หน้า 11 >>>
จ.ศ.1102 มะยวน ขุนนางพม่า คือ มองซวยตองกะยอ ซึ่งมาครองเมืองหงษาวดี แต่ปี
จ.ศ.1099 รามัญทั้งหลายเรียกว่า มังสาอ่อง คิดขบถต่อพระเจ้าอังวะ จะตั้งตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินในเมืองหงษาวดี จึงคบคิดกับขุนนางพม่า และขุนนางมอญหลายคน ขุนนางรามัญคนหนึ่ง ชื่อ ธอระแซงมู เป็นนายกองช้างได้ปรึกษากับรองปลัด และยกกระบัตร มีหนังสือไปกราบทูลพระเจ้าอังวะ ๆ จึงตรัสสั่งให้มังมหาราชา กับมังรายองค์เนิน เกณฑ์ไพร่พลหนึ่งหมื่น ยกกองทัพไปจับมังสาอ่อง ๆ หนีไปอาศัยอยู่ในหัวเมืองทะละ เจ้าเมืองทะละจับตัวส่งมังมหาราชา ๆ เอาตัวไปฆ่าเสียที่เมืองหงษาวดี มังมหาราชาจึงตั้งให้มังรายองค์เนินครองเมืองหงษาวดีต่อไป ต่อมามังรายองค์เนินโลภ ข่มเหงราษฎรได้รับความเดือดร้อน
จ.ศ.1102 เดือนยี่ มีชายผู้หนึ่งเป็นชาติเซมกวย บวชเป็นภิกษุมาช้านานในเมืองหงษาวดีใกล้บ้านอเวิ้ง ซึ่งมีพวกเงี้ยวอยู่ประมาณ สามร้อยเศษ เมื่อสึกจากภิกษุ เจ้าเมืองหงษาวดีเก่าตั้งให้เป็นพระยาชื่อ สมิงธอกวย พวกเซมกวยพูดภาษาไม่เหมือนภาษารามัญ เป็นชาวป่าอยู่นอกเมืองหงษาวดี สมิงธอกวยเป็นคนมีวิชาเป็นเสน่ห์แก่คนทั้งปวง พวกรามัญชาวเมืองรักใครมาก สมิงธอกวยได้คุมพวกเซมกวยประมาณ สามพันคนเศษ ครั้นเห็นมังรายองค์เนินข่มเหงราษฎรนัก จึงยกพวกมาตั้งค่ายอยู่ ณ ตำบลเภานักที่นอกเมืองหงษาวดี ส่วนธอระแซงมูรู้เหตุจึงมีหนังสือออกไปนัดหมายกับสมิงธอกวย กำจัดมังรายองค์เนินเสีย เมื่อกำจัดได้แล้ว สมิงธอกวยได้เป็นเจ้าเมืองหงษาวดี เมื่อปี จ.ศ.1103 ธอระแซงมูยกบุตรสาวชื่อมียายเสมให้เป็นภรรยาสมิงธอกวย สมิงธอกวยได้ครองราชย์ในเมืองหงษาวดี มีพระนามว่า พระยาพธิโรราชา จึงตั้งธอระแซงมู เป็นที่พระยาสัสดีแม่กองเลข ต่อมาได้ตั้งให้เป็นเจ้ามหาเสนาบดี เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิขาดในรามัญประเทศทั้งปวง พระเจ้าหงษาวดีมีเมืองขึ้นสามสิบสองหัวเมือง พระเจ้าอังวะทราบข่าวจึงปรึกษากับขุนนางทั้งปวง จะยกกองทัพไปจับสมิงธอกวยกับธองแซงมูฆ่าเสีย
พวกโหรทำฎีกาถวายว่า ในสิบสองปีนี้เป็นคราวชะตาเมืองอังวะตก พวกรามัญทั้งหลายเป็นคราวชะตาขึ้น ถ้ายกทัพไปทำสงครามกับรามัญจะไม่มีชัย พระเจ้าอังวะจึงรับสั่งให้มังมหาราชายกกองทัพไปตั้งอยู่เมืองแปร รามัญเรียกเมืองปรอน อันเป็นพรมแดนรามัญกับพม่าต่อกัน เพื่อเป็นการขัดตาทัพไว้ก่อน ครั้งนั้นเจ้าเมืองเมาะตมะชื่อมังนราจอสูเป็นชาติพม่ากลัวมอญเมาะตมะ จะฆ่าเสียจึงพาครอบครัวและพวกพ้องหนีไปอยู่กับมังลักเวเจ้าเมืองทวายอันเป็นชาติพม่าด้วยกัน พระเจ้าหงษาวดีทราบเรื่อง จึงให้มีหนังสือไปถึงกรมการเมืองทวายทั้งปวง ให้ส่งมังนระจอสู กับมังลักเวขึ้นมา ณ เมืองหงษาวดี มิฉะนั้นจะให้กองทัพลงไปตีเมืองทวาย
กรมการเมืองทวายรับหนังสือก็ตกใจคิดจะจับทั้งสองคนดังกล่าว ทั้งสองคนรู้เหตุนั้นจึงอพยพครอบครัวหนีลงไป ณ เมืองตะนาวศรี อันเป็นเขตแดนพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา เจ้าเมืองตะนาวศรีมีหนังสือบอกเข้าไป ณ กรุงศรีอยุทธยา จึงมีรับสั่งให้ส่งทั้งสองคนกับพวกพ้องทั้งปวงเข้าไปกรุงศรีอยุทธยา แล้วให้ปลัดเมืองทวายกับเจ้าเมือง ตะนาวศรีกำกับกันยกกองทัพออกมารักษาเมืองทวายไว้ พระเจ้าหงษาวดีทราบเรื่องจึงคิดว่าจะสู้พม่าแต่ด้านเดียวก่อน จึงจัดเครื่องราชบรรณาการให้เจ้าเมืองเร นำลงมาถึงเจ้าเมืองตะนาวศรี และให้นำเจ้าเมืองเรเข้าไปถวายเครื่องราชบรรณาการพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา แล้วพระเจ้าหงษาวดีจัดกองทัพบกกองทัพเรือ ยกขึ้นไป ณ เมืองปรอน เพื่อจะตีทัพมังมหาราชา แล้วจะเลยไปติดเมืองอังวะ
ฝ่ายพระเจ้าอังวะทราบเรื่องว่ามังนราจอสู กับมังลักเว หนีไปพึ่งพระบารมีพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา พระองค์จึงให้แต่งพระราชสาส์นขอบพระคุณ พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา กับเครื่องราชบรรณาการมอบให้ราชทูตลงไป ณ กรุงศรีอยุทธยา พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาทรงจัดราชทูตไทยสามนาย นำพระราชสาส์นกับเครื่องราชบรรรณาการตอบไปพร้อมราชทูตพม่า เดินทางไปทางปลายแดนเมืองตองอู
ขณะนั้นพระยาหงษาวดีขึ้นไปตั้งค่ายประชิดเมืองปรอนอยู่ ยังไม่แพ้ชนะกับมังมหาราชา พอขาดเสบียงลงจึงให้เที่ยวแยกย้ายหาเสบียง มีกองหนึ่งมาจนถึงแดนเมืองตองอู พวกรามัญรู้จับได้ไพร่พม่าสองคนในขบวนราชทูตมาถวายพระเจ้าหงษาวดี เมื่อสอบถามได้ความว่า พระเจ้าอังวะให้ราชทูตไปขอกองทัพไทยขึ้นมาช่วยป้องกันเมืองอังวะก็ตกพระทัย จึงเลิกทัพกลับเมืองหงษาวดี