ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง
พงศาวดารมอญพม่า
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21
หน้า 19 >>>
จ.ศ.1134 โปสุพลายกกองทัพมาตีเมืองลับแล เมืองพิชัย รบกับกองทัพกรุงศรีอยุทธยา โปสุพลาแตกหนีไปตั้งอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ ค้างเทศกาลฝน จ.ศ.1135 ออกพรรษาแล้ว ให้พระยาจ่าบาลกับแสนท้าวไพร่ลาวพันหนึ่งยกเป็นกองหน้า ให้เนมะโยกามินี เฝ้าเมืองเชียงใหม่ โปสุพลากับไพร่เก้าพันจะลงมาตีกรุงศรีอยุทธยา พอทางกองทัพกรุงศรีอยุทธยาขึ้นมาทั้งกองทัพพระยากาวิละ พระยานคร พระยาจ่าบาลบรรจบกัน เข้าล้อมเมืองเชียงใหม่ โปสุพลา เนมะโยกามินี หนีไปอยู่เมืองหน่าย
จ.ศ.1135 มีตรามาแต่เมืองอังวะ ให้ปะกันวุ่นเกณฑ์พวกรามัญหมื่นหนึ่งเป็นแม่ทัพไปตีกรุงศรีอยุทธยา ประกันวุ่นจึงเกณฑ์พระยาเจ่ง ตะละเซง พระยาอู เป็นกองหน้ากับไพร่สามพัน ให้แพกิจจาเป็นแม่ทัพยกไปก่อน ตั้งฉางอัศมิฉางแม่กระษัตริย์ ออกพรรษาแล้วปะกันวุ่นกับไพร่เจ็ดพัน จึงจะยกตามไป จ.ศ.1136 พระยาเจ่งตะละเซงสมิงรามัญทั้งปวง พร้อมกันจับแพกิจจาแม่ทัพฆ่าเสีย แล้วกลับทัพมาเมืองเมาะตมะ ปะกันวุ่น อะคงวุ่น ลงเรือหนีไปเมืองร่างกุ้ง พระยาเจ่งตะละเซงสมิงรามัญยกติดตามขึ้นไปตีได้ค่ายตัดกะเสริมเมืองร่างกุ้ง พอกองทัพหน้าอะแซวุ่นกี้ยกมาแต่เมืองอังวะ รบกับพระยาเจ่งตะละเซง ๆ แตกหนีลงมาเมืองเมาะตมะ แล้วพาครอบครัวอพยพเข้ามากรุงศรีอยุทธยา กองทัพพม่ายกตามมา จับได้บุตรภรรยา ที่แขวงเมืองเมาะตมะส่งขึ้นไปถวาย ครั้งนั้นมองระกับเสนาบดีลงมายกฉัตรอยู่ ณ เมืองร่างกุ้ง จึงถามตะละเกิงว่า คิดการประทุษร้ายครั้งนี้ใครรู้เห็นเป็นใจด้วย ตะละเกิงให้การว่า พระยาหงษาวดี พระยาอุปราชา มีหนังสือถึงข้าพเจ้ากับพระยาเจ่งชักชวนแต่สมิงรามัญทั้งปวงให้จับพม่าที่อยู่ในเมืองเมาะตมะฆ่าเสีย แล้วให้ยกทัพไปตีเมืองร่างกุ้งขึ้นไปจนถึงเมืองอังวะ มองระจึงให้เอาพระเจ้าหงษาวดี พระยาอุปราชา กับพระยาตะละเกิง ไปประหารชีวิตเสีย
จ.ศ.1136 อะแซวุ่นกี้ ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยา กองทัพหน้ายกมาถึงเมืองราชบุรี กองทัพไทยล้อมไว้ มองระเจ้าอังวะจึงให้อะคุงวุ่นมังโย กับไพร่สามพันที่รับอาสา จะมาตีเอาคนสามพันในค่ายล้อมเขานางแก้วให้ได้ อะแซวุ่นนี้ จึงบอกเจ้าอังวะว่า จะขอถอยทัพมาแรมค้างอยู่เมืองเมาะตมะ เพราะจวนเทศกาลฝนไพร่พลอดเสบียงอาหาร ต่อรุ่งขึ้นปีหน้าจึงจะยกเข้าไปตีกรุงศรีอยุทธยา พระเจ้าอังวะก็เห็นด้วย
จ.ศ.1137 มองระกลับไปเมืองอังวะ เดือนสิบเอ็ด อะแซวุ่นกี้ให้แมงยางุ ปันยีเยม่องจ่อ ปันยีตะจอง สามนาย คุมไพร่สามหมื่นยกไปทางระแหง อะแซวุ่นกี้กับไพร่หมื่นห้าพันเข้าล้อมเมืองพิศณุโลก ได้แยกกองทัพลงมารับทัพกรุงศรีอยุทธยา ซึ่งขึ้นไปช่วยปากน้ำพิง ครั้นเมืองพิศณุโลกเสียแล้ว อะแซวุ่นกี้บอกหนังสือขึ้นไปถึงเจ้าอังวะ พอเจ้าอังวะสินพระชนม์ จิงกูจา บุตรมองระ ขึ้นเป็นเจ้าให้เลิกทัพ เมืองมฤต เมืองตะนาว เมืองทวาย และอะแซวุ่นกี้ก็กลับขึ้นไป จ.ศ.1139 จิงกูจาให้อำลอกวุ่น ยกกองทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ เจ้าเมืองเชียงใหม่อพยพครอบครัวหนีลงมาอาศัยอยู่ ณ เมืองสวรรคโลก จ.ศ.1142จิงกูจาให้ถอดอะแซวุ่นกี้ออกจากราชการ
จ.ศ.1143 มังมอง บุตรมังลอกกับพวกยกเข้าปล้น เอาเมืองอังวะได้ จึงตั้งอะแซวุ่นกี้คงที่อะแซวุ่นกี้ พรรคพวกมังมองรังแกราษฎรให้เดือดร้อนนัก ปะดุงจึงปรึกษาด้วยญาติวงศ์ และเสนาอำมาตย์คนเก่า เสนาบดีไพร่พลเมืองก็เป็นใจด้วย ได้เข้าล้อมวัง จับตัวมังมองได้ประหารชีวิตเสีย ปะดุงผู้นี้เป็นบุตรมังลอง เป็สนน้องมองระแต่ต่างมารดากัน เดิมชื่อมังแวงได้กินเมืองปะดุง จ.ศ.1144 ปะดุงได้เป็นเจ้าแผ่นดินอังวะแล้ว จึงให้ฆ่าจิงกูจาเสีย
จ.ศ.1144 กรุงไทยเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ในกรุงเทพมหานคร ฯ เดือนสิบ พระเจ้าปะดุงให้สร้างเมืองใหม่ ที่ตำบลผ่องกา เหนือเมืองอังวะสามร้อยเส้นให้ชื่อ เมืองอะมะระบุระ
จ.ศ.1145 เดือนเจ็ด พระเจ้าปะดุงยกไปอยู่เมืองสร้างใหม่ ในเดือนสิบสองให้ราชบุตรสององค์ยกกองทัพไปตีเมืองยะไข่ได้จับเจ้าเมืองยะไข่กับครอบครัวมาไว้ที่เมือง อะมะระบุระ อยู่ไม่นานเจ้าเมืองยะไข่ถึงแก่กรรม